6/3/11
แต่ก่อนมักได้ยินว่าส่งบันเทิงที่มีราคาถูกที่สุดคือการไปชมภาพยนตร์ในโรง แต่เดี๋ยวนี้หลายคนเห็นต่าง โดยเฉพาะคนกรุงเทพ เพราะนับแต่มีการปฏิรูปโรงภาพยนตร์เป็นแบบในศูนย์การค้าๆจะมีโรงภาพยนตร์จำนวนมากๆที่ในช่วงต้นๆก็เป็นเพียงการก่อกำแพงทำโรงโดยที่ไม่ได้ระดับของการตั้งเก้าอี้ทำให้มีการบังกันทั้งนี้ก็เพราะตอนนั้นบรรดาโรงเล็กๆเหล่านี้ทางเจ้าของศูนย์เองก็ไม่ได้มีการตระเตรียมว่าพื้นที่นี้จะเป็นโรงภาพยนตร์ ต่อมาก็เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีโรงภาพยนตร์ในศูนย์การค้า ดังนั้นโรงต่างๆก็ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างมีระบบ ไม่ว่าความสูง/ระดับของการตั้งเก้าอี้รวมถึงการพัฒนาของระบบเสียงที่แต่ก่อนเอาเป็นพอฟังได้ มาเป็นระบบดิจิตอล รอบทิศทาง รวมถึงการตบแต่งภายในโรงภาพยนตร์ให้สวยหรูมากขึ้น แน่นอนว่าการกระทำเช่นนั้นต้องใช้เงินมหาศาลเช่นกัน รวมถึงผู้ประกอบการที่แต่ก่อนอาจจะมีหลายเครือแต่ในที่สุดก็มีแค่ เมเจอร์ ที่ร่ำลือถือความโอฬาร/ตระการตาและเก้าอี้ที่นั่งแสนสบาย และนำมาซึ่งราคาค่าชมที่แต่ก่อนมีเพียงราคาเดียว บัดนี้เมื่อเพิ่มความสะดวกสบายเข้าไปคนดูย่อมต้องเพิ่มเงินค่าชมเข้าไปอีกจนบางที่นั่งในโรงราคาต่อ1ที่นั่งปาเข้าไป 8 - 900 บาทที่เดียว เพราะนอกจากเก้าอี้นั่งสบายยังมีอุปกรณ์เสริมเช่นผ้าห่ม/เบาะหนังที่ปรับเอนนอนได้/ความหนาวเย็นของแอร์ภายในโรง/อาหารเครื่องดื่มที่มีเสริฟฟรีๆ(เพราะรวมในค่าดูแล้ว) จึงทำให้ปัจจุบันนี้หากเข้าไปในเน็ตจะเห็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในฐานะกำไรเกินควร แต่กฏหมายก็ยื่นมือเข้าไปควบคุมไม่ได้ด้วยเห็นผลที่ผมกล่าวมาข้างต้น ดังนั้นใครที่ก่นด่าอยู่กรุณาเลิกไปอุดหนุนเขา คนดีมีทางเลือกมากมายไม่แต่เฉพาะที่ กทม แต่ที่เชียงใหม่เราก็คืออีกทางเลือกหนึ่ง ที่ถึงแม้สภาพโรงของเราจะสู้เขาไม่ได้แต่ไม่ว่าระบบเสียงหรือความเย็นของเราก็ไม่ยิ่งหย่อน กับราคา 70 บาทในวันธรรมดา 90 บาทในวันสุดสัปดาห์ราคานี้เราไม่เคยขึ้นมาเป็น 10 ปีแล้วครับ อาจว่าการบริหารจัดการของเราใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ราคาเงินเดือนพนักงานเราอาจจะถูกว่าเขามาก เราหวังเพียงให้ความบันเทิงกับคนดูที่ต้องการเพียงดูและสนุกไปกันหนังที่ตัวเองตีตั๋วเข้าไปชม ส่วนอุปกรณ์เสริมไม่สนใจ อีกทั้งผมเป็นคนรักหนัง ก็อยากให้คนรักหนังเหมือนผมในเมืองเชียงใหม่แห่งนี้ได้ดูและสนุกไปกับหนัง ในขณะเดียวกันพนักงานก็พออยู่ได้ และดูเหมือนทุกคนก็พึงพอใจกับการอยู่วิสต้า ดูได้จากพนักงานองเราส่วนใหญ่จะมีอายุงานกว่า 10 ปีทั้งสิ้น มีบ้างที่อายุงานเท่ากับวิสต้าคือเกือบ 20 ปี ดูอย่างผู้จัดการบุญชอบของเราทำไปทำมาอยู่กับเราเกือบ 10 ปีเช่นกันครับ ยุคสมัยนี้ก็คงต้องเป็นการตัดสินใจของผู้บริโภคแล้วล่ะครับว่าพอใจที่จะใช้บริการของผู้ใด แต่ลงเอยทุกคนได้ดูหนังเรื่องเดียวกันแถมพร้อมกันกับคนเชียงใหม่และทั้งประเทศหรือในบางเรื่องดูพร้อมกันทั้งโลก ผมหวังว่าคนที่เข้ามาอ่านจะได้เข้าใจถึงหัวอกคนทำโรงภาพยนตร์บ้าง
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment