Chiangmai Vista
Home | Vista Variety | Vista Movie | Show time

4/12/07

Vista Variety 19 Apr 07

สุขสันต์วันปีใหม่ไทยอีกครั้งครับ วันหยุดช่วงสงกรานต์ปีนี้ไปเปลี่ยนบรรยากาศมา หลังที่ดูโฆษณาประเทศดูไบแล้วก็เกิดอาการอยากไปดูแบบตัวเป็นๆ ระยะหลังๆมานี้เรามักจะได้ดูโฆษณาประเทศเขาผ่านสื่อมากมายทั้ง นสพ. แม็กกาซีน ทีวี เคเบิ้ล ว่าประเทศเขาเป็นสวรรค์ของคนที่ชอบซื้อของ เรียกได้ว่าตอนนี้พยายามทำตัวคล้ายๆ สิงคโปร์ ไม่ว่าจะเรื่องของสนามบินที่เขาประกาศว่ามีร้านค้ามากที่สุดในสนามบินแห่งหนึ่งของโลก ราคาถูกกว่าที่ไหนๆ ว่าแล้วรีบไปจองทัวร์ของคุณดำรง พุฒตาล อดีต สว. ในนามของ ออสการ์ โนวา ทัวร์ ปรากฎว่าเขามีคนจองกันเต็ม และออกถึง 2 คณะด้วยกัน โชคดีหน่อยที่จองแต่ เนิ่นๆเลยได้ไปกับเขาครับ ราคาค่าทัวร์ 5วัน 4คืน บินกับการบินไทย ใช้เวลาบินถึง 6ชั่วโมงกว่า เรียกว่าครึ่งทางไปยุโรป ขาไปดีหน่อยออกตอนเที่ยงไปถึงก็ราวๆ4โมงเย็นบ้านเขา เวลาช้ากว่าเรา 3ชั่วโมงครับ แต่ขากลับทรหดหน่อยเพราะออก5ทุ่มถึงบ้านเรา 8 โมงเช้า เรียกว่านอนกันยังไม่เต็มตาก็ถึงเสียแล้ว อากาศที่นั่นยังคงมีความเย็นหลงเหลืออยู่บ้างในตอนกลางคืน ส่วนเวลากลางวันอย่าพูดถึง นี่ขนาดยังไม่เข้าฤดูร้อนบ้านเรานะครับ ที่นี่อากาศเขามีเพียงร้อนกับหนาว เวลาเหมาะจะไปคือปลายๆครับ ที่โดดเด่นแน่นอนว่าจะต้องเป็นอาคารรูปเรือใบที่หลายๆประเทศเลียนแบบเขาอาคารนี้เป็นที่ตั้งของโรงแรมระดับ5ดาว BURJ ALARAB สร้างติดทะเล ใครจะไปเดินเล่นไม่ได้ นอกจากจะเป็นแขกของโรงแรม กับประชากรเพียง 3 แสนคนและเป็น 1ใน5 รัฐของประเทศสหรัฐอาหรับอามิเรต ด้วยความที่มีบ่น้ำมัน เมืองเขาจึงถูกเนรมิตดั่งสวรรค์บนดินก็ว่าได้ครับ ปลูกดอกไม้สวยๆกลางทะเลทราย ดอกไม้ทั้งหมดนำเข้าจากต่างประเทศ อาคารสูงๆคอนโดฯแต่ละแห่งมีห้องเป็นร้อยๆ สูงๆไปหมด ดูอย่างกับอยู่สิงคโปร์ และหากใครคงไม่พลาดที่จะต้องไปเยี่ยมตลาดทอง ที่มองไปไหนๆร้านค้าขายทองกัน ดูแล้วเหมือนทองเก๊ และก็ต้องนั่งรถ4ล้อไปเที่ยวทะเลทราย ระทึกใจกับการขับของโซเฟอร์แต่ละคนกับการขึ้นลงเนินทรายทั้งสูงและเตี้ย ทำเอาหลายคนต้องวิงเวียนอาเจียนกันเป็นแถว สรุปแล้วหากคิดจะไปดูประเทศ โอเค.. แต่...หากช๊อป โนเค.. ...สวัสดี...

Vista Variety 12 Apr 07

สุขสันต์วันสงการนต์ครับ ปีใหม่ไทยปีนี้ผมขอให้ลูกค้าวิสต้าทุกท่านมีแต่ความสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ หวังสิ่งใดก็ขอให้สมหวังทุกประการ และขอขอบคุณอีกครั้งที่ทำให้ "วิสต้า" ของเรามีวันนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านคงจะให้การสนับสนุนเราตลอดไปนะครับ.
ทุกวันนี้เห็นความเจริญก้าวหน้าของจังหวัดแล้วก็ดีใจครับ ถึงแม้เราจะเป็นเพียงผงธุลีนิดหนึ่งในการผลักดัน สงการนต์ปีนี้เชียงใหม่คงจะไม่คึกคักดั่งปีที่ผ่านๆมา ทั้งนี้และทั้งนั้นส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะงานพืชสวนโลกที่ดึงดูดผู้คนมาเที่ยว ถึงแม้ว่าเป้าหมายตอนนั้นจะหวังให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเที่ยวกลับกลายเป็นว่าส่วนใหญ่เกือบ90%จะเป็นคนไทยแต่ผู้ประกอบการทั้งหลายในเชียงใหม่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสามารถเรียกเงินจากนักท่องเที่ยวมามากมายเป็นประวัติการณ์และไม่รู้ว่าจะอีกเมื่อไหร่ถึงจะมีแบบนี้อีก เดี๋ยวนี้บรรดาผู้ประกอบกิจการโรงแรมน้อยใหญ่ สงกรานต์ไม่มีการจองห้องเต็มแบบปีก่อนๆ และยังมีข่าวของหมอกควันที่เกิดจากการเผาป่ามาสร้างให้เป็นปมด้อยในการที่จะมาเที่ยวถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีแล้วก็ตาม อีกทั้งนับแต่วันที่ 19 ก.ย.ของปีที่ผ่านมามีการปฏิวัติเกิดขึ้น ในตอนแรกบรรดาประชาชนพากันดีใจถึงกับนำดอกไม้ไปมอบให้กับทหารที่ออกมาปฏิบัติการ ซึ่งที่ไหนในโลกนี้ไม่ค่อยจะมีให้เห็นกัน แต่จนบัดนี้กว่า7เดือนเข้าไปแล้ว บรรยากาศของความแตกแยกแบ่งเป็นก๊กๆก็ยังมีให้เห็น แถมมีแต่จะหนักมากขึ้น อาจจะเพราะรัฐบาลชุดนี้เขากลัวเสียงติฉินนินทาจากบรรดาประเทศอื่นๆจึงทำให้ไม่ค่อยกล้าจะทำอะไรที่หักหาญดั่งเช่นคณะปฏิวัติรุ่นก่อนๆ เลยทำให้ดูว่ารัฐบาลนี้อ่อนแอ เศรษฐกิจบ้านเราก็แย่ลงไปเรื่อยๆ ไม่ต้องดูอื่นไกลบรรดาร้านรวงทั้งในศูนย์/นอกศูนย์พากันปิดร้านตั้งแต่2ทุ่ม ในขณะที่แต่ก่อน3-4ทุ่มเขาก็ยังเปิดขายกัน ผู้คนยังพากันมาเดินจับจ่ายตอนนี้คนเดินเงินหมดไปนานแล้วครับ ทุกวันนี้ก็ทำงานใช้หนี้เขานั่นแหละครับ นี่ก็ออกมาประกาศจะจัดการเลือกตั้งปลายปีนี้ตามสัญญา แต่เท่าที่รู้สึกถึงอย่างไรอำนาจเก่าก็คงหวลกลับมาอีก เพราะการเมืองหากเราไม่มีการสอนชาวบ้านให้เข้าใจคำว่าประชาธิปไตย เลือกอย่างไร เขียนรัฐธรรมนูญอีกกี่ฉบับก็ต้องถูกฉีกทิ้งอีก ได้แต่สงสารประเทศไทยครับ..
หลีกหนีบรรยากาศเครียดมาคุยเรื่องหนังกันดีกว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ไปดูหนังมา3เรื่องครับ แต่ไม่ค่อยจะสมหวังสักเท่าไหร่ นับจาก Sunshine/Ghost Station (โกยเถอะเกย์)/Primeval เพราะแต่ละเรื่องมันก็ดีตรงตัวอย่าง เอาเข้าจริงๆการนำเสนอมันชวนให้ง่วงนอนมากครับ สัปดาห์นี้จะมีหนังใหม่เข้าอีกหลายเรื่องก็ภาวนาให้มีสักเรื่องจะโดนใจคอหนังบ้าง....สวัสดี

4/6/07

Vista Variety 05 Apr 07

หลังจากที่มีการเปิดให้สนามบินดอนเมืองได้กลับมาให้บริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ผมได้ไปใช้บริการแล้วครับ นึกว่าจะไม่มีโอกาสไปใช้บริการแล้วเชียว สาเหตุที่ได้ไปใช้เพราะเดินทางด้วยสายการบินนกแอร์ 1ใน3 สายการบินไทยที่กลับมาเปิดให้บริการที่นี่ นอกเหนือจากการบินไทย/วันทูโก วันที่ออกเดินทางจาก กทม.เป็นช่วงค่ำๆจึงมองอะไรไม่ค่อยได้เห็นชัดนักจึงไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อเดินทางกลับมาเวลากลางวัน ครั้งแรกที่ล้อเครื่องบินแตะรันเวย์มองไปทางอาคารต่างประเทศ เห็นได้ทันทีถึงความวังเวง แต่ก่อนเวลาลงมาปั๊ปจะเห็นเครื่องบินมากมายแต่บัดนี้จะมีก็แต่เที่ยวบินภายในประเทศของ3สายการบินที่ว่าไว้ขึ้นลง นกแอร์และไทยอินเตอร์ยังดีหน่อยจอดที่งวงส่วนวันทูโกอาศัยราคาจอดที่หลุมถูกกว่างวงจึงยังคงจอดที่ลาน ใจหายเหมือนกันครับ อีกทั้งยังคิดในใจผมว่าคนไทยนี่ก็แปลกนะ สนามบินใหม่ถึงจะมีปัญหากำลังปะผุซ่อมอยู่ แต่มูลค่าที่ลงทุนไปกว่าแสนล้าน ดันไปแบ่งบางเที่ยวบินมาที่ ดอนเมือง ทำไปทำมามีแต่ความวังเวงทั้งที่เก่าและที่ใหม่ เพียงเพื่อให้ทุกฝ่ายได้เข้ามามีส่วนร่วมบริหารสนามบินดอนเมืองอีกครั้ง เรื่องผลประโยชน์ผมไม่ทราบครับ แต่ที่แน่ๆเห็นบรรดารถรับจ้างพากันมาจอดรอรับผู้โดยสารกว่าร้อยคัน ไม่แน่ใจว่าคันที่ร้อยจะได้ผู้โดยสารเมื่อไร? อีกไม่นานบรรดาผู้ขับคงไม่อยากมารอนำมาซึ่งความไม่สะดวกสบายในการที่จะเรียกใช้บริการแท็กซี่ในอนาคตเป็นแน่ ส่วนรถลิมูซีนที่ว่ามีคนประมูลได้ ยังไม่เห็นเลยสักคันครับ.
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมมีความสุขมากเพราะได้มีโอกาสเก็บหนังหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ดู แถมอีกหลายเรื่องที่ดูก่อนแล้วแต่คนใกล้ชิดยังไม่ได้ดูเลยต้องไปดูเป็นเพื่อน 300 หนังที่ตอนเห็นตัวอย่างแล้วน้ำลายหก เพราะการถ่ายทำของเขาค่อนข้างทันสมัย เหมือนเรากำลังเล่นเกมอยู่ และยังมีคนมาบอกว่าเวลาดูตัวละครต่างๆจะคล้ายลอยออกมาจากจอ ยิ่งมีโอกาสไปดูในโรงไอแม็กซ์เขาฉายแบบ3มิติจะยิ่งต้องหลบมีดหลบเลือดที่กระเด็นออกมาได้รสชาติมากขึ้น เนื้อหานั้นคล้ายๆ "นเรศวร" ของเราแต่ของเขาทำได้ดูดุเด็ดเผ็ดมันส์กว่า ก็ทุนเขาลงไปเท่าไหร่ละครับ เรื่องต่อมาก็ มิสเตอร์บีน ที่จากภาคแรกมาภาคนี้เนื้อหาค่อนข้างจะดูดีกว่าเยอะ มีการเอาเด็กน่ารักมาเสริมจุดขาย มีนางเอกหน้าตาไร้เดียงสามาร่วมแจม ผมว่าจะให้ดีหนังมิสเตอร์บีนน่าจะเป็นตอนๆ ตอนละไม่เกิน30นาที เหมือนซีรีส์ที่ทำให้แกดังมาก่อน จะสนุกกว่าเพาะมันกระชับ มาเป็นหนังที่มีความยาวชั่วโมงกว่าเลยมีบางครั้งง่วงเหงาหาวนอนไปเลยละครับ อีกเรื่องที่ได้ชมก็ย่อมต้องเป็น หนังไทยที่เมื่อเห็นโฆษณาแล้วทำให้อยากดู "แฝด" อีกทั้งเห็นเขาโปรยว่ามาจากผู้กำกับ ชัตเตอร์ ด้วยแล้วอดใจไม่ไหวครับ ดารานำเป็นมาช่าอีกต่างหาก แกไม่ได้เล่นหนังจอเงินมานานแล้ว แต่ต้องชมว่ามือไม่ตกครับ ยังเล่นได้ดีหรือดีกว่าเก่าด้วยซ้ำ สำหรับเนื้อหาหากใครที่เป็นสุภาพสตรี หญิงตั้งครรภ์ คนขวัญอ่อนไม่แนะนำให้ไปดู เนื้อเรื่องหากไปเทียบกับ ซัตเตอร์ ผมว่าเรื่องแรกเขาเข้มข้นกว่าครับ ดูเอาเสียวก็แล้วกันครับ..สวัสดีครับ...

Vista Variety 29 Mar 07

วันที่ 31 มีนาคมนี้ ดรงภาพยนตร์แห่งแรกของเราในจังหวัดเชียงใหม่จะมีอายุครบ 15 ปีเต็ม ซึ่งโรงที่ว่าก็คือ เจริญเมือง 1-2 และถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมผันตัวเองจากคนดูหนังมาเป็นเจ้าของโรง สมดั่งที่เคยฝันไว้ ผมเชื่อแน่ว่าคนทั้งหลายในโลกนี้ต่างก็มีความฝันของแต่ละคน บางคนฝันอยากเป็นหมอ อยากเป็นนักร้อง แต่มีจำนวนไม่น้อยที่ไปไม่ถึงฝันที่ตัวเองฝันไว้ ผมอาจจะเป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่ฝันอะไรไว้ส่วนใหญ่ก็จะได้ตามที่ฝัน นับตั้งแต่สมัยเด็กๆคุณแม่มักจะพาไปดูหนังในวันหยุดเรียน บ้านผมอยู่แถวไซน่าทาวน์ซึ่งสมัยก่อนเขาเรียกว่าเป็นทำเลทอง มีโรงหนังอยู่มากมายแถวนั้นไม่ว่า เฉลิมบุรี/บรอดเวย์/เท็กซัส/คาเธย์ ซึ่งหากใครอายุไม่ถึง30ปีคงจะไม่รู้จักโรงหนังที่ผมกล่าวมานี้ เพราะบางแห่งก็ถูกทุบทิ้งไปแล้ว จากการที่ถูกเพาะเลี้ยงมาแบบนั้นจึงทำให้เป็นคนรักหนังเป็นชีวิตจิตใจ จนบางคนเขาบอกว่าหากนำเอากระดูกผมมาบดคงจะพบแผ่นฟิล์มอยู่เป็นแน่แท้ จนกระทั่งวันหนึ่งมีพี่สวงสุดา ชมลัมพี ลูกสาวของอาวินิจ ภักดีวิจิตรพี่ชายของคุณฉลอง ภักดีวิจิตร ที่สร้างชื่อกับการทำหนังบู๊แอ๊คชั่น "ทอง" กระทั่งเอาฝรั่งมาเล่นหนังไทย มาขอถ่ายบ้านไปเป็นบ้านนางเอกในหนังเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีนางเอกชื่อลลิตา ปัญโญภาส เสียด้วยซิ จากการพูดคุยกันเลยทำให้แกได้มาเป็นผู้กำกับหนังเรื่องแรกในชีวิตของผม "เราสอง" ซึ่งไปถ่ายทำกันถึงสก๊อตแลนด์ แล้วจากนั้นผมได้เป็น ผอ.หนังอีก 7 เรื่องด้วยกัน ที่ดังที่สุดสมัยนั้นคงหนีไม่พ้นหนังแนวฟิล์มนัวร์จากฝีมือของพี่มานพ อุดมเดช "กะโหลกบางตายช้า กะโหลกหนาตายก่อน" แต่ด้านวิสัยทัศน์ของผู้กำกับมองไกลกว่าแฟนหนังไทยสมัยนั้น จึงทำให้ไม่ประสพความสำเร็จเรื่องรายได้แต่..กลับไปค้วารางวัลทั้งในและต่างประเทศมากมายให้กับผม และเมื่อได้รับการทาบทามจากคุณเพิ่มพล เชยอรุณ ที่ขึ้นมาดูแลด้านบันเทิงกาดสวนแก้ว มาชักชวนให้ขึ้นมาทำโรงหนัง จนมีอยู่ช่วงหนึ่ง วิสต้า ครอบครองโรงหนังเชียงใหม่ได้ไว้ทั้งหมด เราเคยมีโรงหนังด้วยกันถึง 16 โรง ทั้งนี้และทั้งนั้นที่เราสามารถอยู่ได้ที่นี่เพราะใคร ทราบดีว่าผมทำโรงด้วยใจ มิใช่เพื่อหวังผลกำไรลูกเดียว เราเป็นเจ้าแรกที่นำเอาหนังฝรั่งเสียงในฟิล์มขึ้นมาฉายเอาใจคนรักหนัง เจริญเมือง 1-2 กับความจุเพียงโรงละ 300ที่นั่ง แต่เคยฉายหนังทำเงินกว่าล้านบาทหลายเรื่อง ล้านสมัยนั้นค่าดูเพียง 20-30 บาทเท่านั้น มาเมื่อหลายปีก่อนค่ายโรงหนังระดับอินเตอร์มาบุกที่เชียงใหม่ แต่เราก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ แบบเศรษฐกิจพอเพียง ได้น้อยก็ใช้น้อย มาบัดนี้แฟนๆหลายๆคนกลับมาที่เราด้วยความสะดวกสบายไม่ต้องเบียดเสียดกับการซื้อตั๋วหรือเข้าชม ขอขอบคุณแฟนๆชาวเชียงใหม่ ที่ถึงปัจจุบันนี้ก็มีการเขียนใส่เมล์มาให้กำลังใจผมและวิสต้าตลอดมา บุญคุณนี้เราพยายามทดแทนให้เท่าที่เราจะทำได้ คงไม่ลืมว่าค่าดูเขาขึ้นไปถึง 120-140 บาท แต่เราก็ยังคงปักหลักที่ 70-90 บาท ไม่เคยเปลี่ยน...ขอบคุณจริงๆ ...สวัสดีครับ...