Chiangmai Vista
Home | Vista Variety | Vista Movie | Show time

12/30/09

"สวัสดีปีใหม่ 2553 HAPPY NEW YEAR 2010"
สวัสดีปีใหม่ครับลูกค้าวิสต้าทุกท่าน ขณะที่เขียนวาไรตี้นี้เป็นเช้าวันที่30ซึ่งอากาศแปรปรวนมีฝนตกหนักแต่เช้าในกทม.ทำเอาถนนหลายสายน้ำท่วมอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะผ่านพ้นปี2552นี้ไปแล้ว สำหรับประเทศไทยประสบปัญหาสีค่อนข้างหนักหนา นับตั้งแต่การเข้าจู่โจมล้มการประชุมอาเซียนที่พัทยา ไปจนถึงการก่อการจราจลในกทม.ช่วงปีใหม่ไทย และอีกหลายๆเหตุการซึ่งเผอิญผม ได้ชมเทปที่เขานำมาประมวลทำให้เห็นภาพช่วงสงการนต์เลือด ที่พอดีผมเดินทางไปนิวซีแลนด์ช่วงนั้น เห็นแล้วก็ได้แต่เศร้าใจว่าทำไมหนอดวงเมือง ถึงทำให้คนไทยด้วยกันต้องมีตีกันจนเสียเลือดเนื้อปานนี้ ก็ได้แต่ภาวนาให้ปีใหม่2553คนไทยจะหันหน้าเข้ามาสมัครสมานสามัคคีดั่งในอดีตแต่คงจะเป็นไปได้ยากด้วยประการทั้งปวง อย่างไรเสียชีวิตเรา60กว่าล้านคนก็ยังคงต้องเดินต่อไป มีคนประสบความสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้างก็ล้วนแล้วแต่พรหมลิขิต แต่ขออย่าท้อแท้ อะไรที่เลวร้ายย่อมต้องมีดีสักวัน เราชาววิสต้าขอให้กำลังใจทุกท่าน ปี2552ของผมอาจจะถือว่าโชคเข้าข้าง กิจการราชาชูรสที่ผมดูแลอยู่ถือเป็นปีทองหลังจากที่ก่อตั้งมา43ปีมีปีนี้ผลกำไรสูงสุด ทั้งนี้และทั้งนั้นเนื่องจากอุปสงค์/อุปทานของสินค้า เนื่องจากเวียดนามที่มีโรงงานกำลังผลิตเดือนละเกือบ2หมื่นตันต้องปิดลงเพราะลักลอบเอาน้ำเสียทิ้งลงทะเล จึงทำให้ของขาด เราเองหลังจากปีที่แล้วต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายในด้านการผลิต มาปีนี้พนักงานทุกคนใส่ใจในการทำงานทำให้ปัญหาเหล่านั้นไม่มาเกิด กำลังการผลิตที่เดือนละเกือบ3พันตันราบรื่น ขายของก็ได้ราคาสูงเพราะของขาด พนักงานราชาชูรส700กว่าคนจึงหน้าตายิ้มแย้มกันรับเงินโบนัสกันเพลิน ผมถึงว่างานใดๆย่อมมีวันดีวันไม่ดี ขออย่าท้อแท้แก้ไขแล้วจะจบด้วยดีเช่นกัน...สวัสดี

12/25/09

MERRY CHRISTMAS สุขสันต์วันคริสมาสต์ ครับลูกค้าวิสต้าทุกท่าน ทุกวันที่ 25 ธ.ค. ของทุกปีชาวคริส ทั่วโลกจะพากันฉลองเทศกาลนี้กันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ครึ่งบนของโลกใบนี้ ท่ามกลางหิมะที่ขาวโพลน ในขณะที่ครึ่งล่างของโลกต้องฉลองกันแบบร้อนๆเช่นที่ ออสเตรเลีย ชาวคริสเชื่อว่าเป็นวันที่พระผู้เป็นเจ้ากำเนิดบนโลกนี้ ส่วนคนไทยเราคงต้องรอไปอีกหนึ่งสัปดาห์จึงจะฉลองวันปีใหม่สากลกัน ปีนี้ใครที่ชอบหนาวอาจจะดีใจเพราะอากาศน่าจะเป็นใจ พาเอาอากาศหนาวมาให้เราได้สัมผัสโดยเฉพาะทางภาคเหนือ ส่วนจะมีใครมาเยื่ยมเยือนภาคเหนือนี้เช่นทุกปี หรือเปล่าคงต้องรอดูกัน หลายๆคนที่ผมรู้จักเขาพากันบอกว่า เขาไม่แน่ใจในความปลอดภัยหากขึ้นมา อีกทั้งเสื้อผ้าที่ใส่ก็น่าจะไม่ใช่สีเหลือง เอาเป็นว่าใครไม่กลัวก็คงมาเที่ยวฉลองปีใหม่ กันที่เชียงใหม่นี่กระมังครับ
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสขึ้นมาเชียงใหม่ หลังจากที่ห่างหายไปกว่า2สัปดาห์ ทั้งนี้และทั้งนั้นเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่โรงงานน้ำตาล จะเริ่มทำการหีบอ้อย ดังนั้นเป็นพิธีมานานแสนนาน ว่าก่อนจะหีบอ้อยเพื่อทำน้ำตาลซึ่งฤดูจะเริ่มราวๆเดือน พ.ย.ถึงเดือนเมษาฯจะต้องมีการนิมนต์พระมาทำบุญ เพื่อเป็นสิริมงคลและให้การหีบอ้อยดำเนินไปด้วยดี ปีหนึ่งๆโรงงานน้ำตาลจะทำงานกันจริงๆจังๆ24ชั่วโมงก็ช่วงนี้แหละครับ หากหีบไปเครื่องเสียก็จะทำให้พลาดโอกาสในการที่จะรับอ้อย ซึ่งนับวันในบางพื้นที่หาอ้อยยากเพราะ พื้นที่ลดน้อยลงเจ้าของขายทำตึกแถวหรือรีสอร์ทกันหมด จึงมีการทำบุญโรงงานน้ำตาลในเครือหลายโรง อีกทั้งโรงฯที่ลาวและกัมพูชาจึงทำให้ผมต้องเดินสายไปร่วมกับเขา แต่ก็ดีใจที่ได้ดูหนังเล็กๆเรื่องหนึ่งที่ผู้คนไม่ค่อยอยากดูนัก อีกทั้งเป็นหนังฝรั่งอีก นั่นคือผลงานล่าสุดของวินซ์ วอหน์ ดาราที่มาดังตอนแก่ผมจำได้ว่าตอนหนุ่มๆหุ่นสะโอดสะองค์ มาถึงตอนนี้ท้วม COUPLES RETREAT หลังจากที่ได้ดูหนังตัวอย่างแล้วหลงไหล กับรีสอรท์หรูกลางทะเลที่เปิดประตูออกมาปั๊บ สามารถกระโดดลงเล่นน้ำได้ในทันที อีกทั้งห้องพักก็อยู่กลางทะเลอีกด้วย หนังว่าด้วย4คู่ที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เยาว์วัย มีครอบครัวกันหมดแล้วมีคู่พระเอกเรานี่หลังจากมีลูกกัน2คนทำท่าว่าจะไปไม่รอด เลยเข้าไปในอินเตอร์เน๊ตพบว่า เกาะแห่งหนึ่งที่สามารถบำบัดให้คู่สามีภรรยา ที่กำลังมีปัญหากลับไปคืนดีกันได้ มีข้อแม้ว่าต้องไปกันเป็นกลุ่มเช่น8คนขึ้นไป จะลดราคาครึ่งหนึ่งเขาเลยถือโอกาสชักชวนเพื่อนไปด้วย โดยหวังกันว่าคงจะไม่มีอะไรนอกจากกินนอนว่ายน้ำดำน้ำแต่ที่ไหนได้ พอถึงเขาก็มีเมนูมาให้ บอกถึงการบำบัดที่ไม่มีสิ่งที่ทุกคนคาดหวังก่อนมาเลย นอกจากจะต้องนอนตื่นแต่เช้า ไม่มีโทรฯหรือโทรทัศให้ได้ดู ยังต้องเข้าคอรส์เช่นมีคนมาถามที่พวกพวกเขาไม่อยากที่จะตอบ หรือบางคำถามพวกเขาลืมไปว่าจะตอบอย่างไรเช่นการพูดจากัน จู๋จี๋กันฯลฯ แต่แน่นอนหลังจากที่เราได้เห็นวิธีการบำบัดอีกทั้งวิวสวยๆ ที่ไปถ่ายกันแถบหมู่เกาะโปโรนีเซียในมหาสมุทรแปซิฟิคแล้ว หนังก็จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง เสียดายแทนคอหนังโรแมนติคที่พลาดชมจัง...สวัสดี

12/17/09

ระยะหลังๆมานี้ชื่อของ หม่ำ เป็นชื่อที่สามารถประกันรายได้ว่าต้องทำรายได้แบบถล่มทลาย แหยม ยโสธร ในภาคแรกก็สร้างชื่อเสียงให้กับหม่ำพอสมควร ดังนั้นนายทุนอย่างเสี่ยเจียงจึงมอบให้สานต่อภาค2 ใน4ปีต่อมา ภาคนี้หม่ำได้นำเอาลูกๆมาเล่นด้วยโดยที่ตัวแกเองก็เปลี่ยนสถานะตามสภาพเป็นพ่อแถมด้วยตำแหน่งกำนัน เนื้อหาสาระในภาคนี้ยังคงจับตลาดระดับล่าง ชาวบ้านกินข้าวแกงมาทำ ดังนั้นในตลาดที่ว่านี้...จะว่าไปในประเทศเราตลาดนี้มีขนาดใหญ่มากๆ ใครสามารถชนะใจได้รับรองรวย...คงถูกใจไม่น้อยเกี่ยวกับพ่อตา/ลูกเขย/การจีบแบบพื้นบ้านไร้อินเตอร์เน็ต ผมดูแล้วก็สบายใจดีครับ ทั้งต้องขอชมคนออกแบบเสื้อผ้าที่สีฉูดฉาดสมกับเป็นหนังแนวนี้เสียกระไร สรุปแล้วแน่นอนว่าแหยม ยโสธรภาคนี้รายได้ไม่ต้องพูดถึง
หลายคนพูดว่าหม่ำรักลูกเลยอยากให้ลูกดังในวงการ เลยทำให้ผมคิดด้วยหัวอกคนมีลูกเช่นกันว่าทุกวันนี้เด็กๆวัยรุ่นที่กำลังเจริญพันธุ์ และอยู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต หากเลือกทางถูกก็ย่อมทำให้ประสพควาสำเร็จในการศึกษาพร้อมที่จะเป็นกำลังช่วยพ่อแม่ในยามแก่อีกทั้งเป็นอนาคตของชาติ ลูกสาวคนโตผมเพิ่งได้ปริญญาใบที่2ด้านการโรงแรมจากสวิสเซอร์แลนด์ดั่งที่ได้เคยคุยไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนนี้ก็ให้แกลองทำการบริหารโรงแรมวิสต้าที่กทม. ขนาด15ห้องดูสักพักว่าการเรียนกับการปฏิบัติจริงต่างกันแค่ไหน อีกทั้งปัจจุบันใครๆก็บอกคนตกงานเยอะ แต่เอาเข้าจริงๆบรรดาคนตกงานเหล่านั้นก็เป็นฝ่ายเลือกงานที่อยากทำ ไม่ใช่นายจ้างเป็นฝ่ายเลือกคนงาน ก็คงอีกสักระยะ ส่วนลูกชายคนกลางหลังจากพลาดปริญญาที่นิวซีแลนด์ก็มาเริ่มต้นกันใหม่ที่เมืองไทย 1ปีที่ผ่านมาการปฏิบัติตัวให้เขาเข้ากับวัฒนธรรมไทยๆยังไม่ประสบความสำเร็จนัก อีกทั้งแกมีความเป็นอารติสท์ ศิลปิน มากไปหน่อย การแต่งกาย/ทรงผมที่แตกต่างกับนักเรียนคนอื่นที่มหาลัยศิปกรทำให้แกต้องออกและกำลังหาสถานศึกษาใหม่ซึ่งแน่นอนว่ากว่าจะเริ่มคงต้องราวเดือนมิถุนายนปีหน้า สังคมไทยเราต้องยอมรับนะครับว่าดูกันก็ที่การแต่งตัวมากกว่าความรู้จึงทำให้คนที่แต่งตัวไม่ดีเวลาไปไหนๆคนมักจะดูแบบเหยียด ลูกชายผมเองเขาไปเรียนนอกตั้งแต่เด็กเลยทำให้การปรับค่อนข้างยาก อีกทั้งการเรียนในประเทศเรานอกจากวิชาที่เราเลือกแล้วยังต้องเรียนอีกหลายอย่างที่ตัวเขาไม่เห็นประโยชน์ก็เลยเริ่มเบื่อเรียนไปเสียนี่ คงต้องรอดูอีกสักระยะ...สวัสดีครับ

12/9/09

เผลอแป๊ปเดียวลูกสาวคนโตผม ได้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านการโรงแรมที่สวิสฯเรียบร้อยแล้ว เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้เดินทางฝ่าอากาศที่แสนจะหนาวเย็นขั้นติดลบหิมะตกแบบสุดๆไปร่วมพิธีรับปริญญาบัตรและร่วมฉลลองที่นั่นซึ่งเมื่อ5ปีที่แล้วผมได้พาแกมาดูโรงเรียนที่นี่หลายแห่้ง เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆครับ แกใช้เวลาเรียนต่างประเทศรวมกันถึง12ปีนับแต่ที่แกไปเรียนที่นิวซีแลนด์ ต่อมหาวิทยาลัยได้รับปริญญาด้านศิลป์ แล้วถึงมาต่อที่สวิสฯด้านการโรงแรมและเป็น SURPRISE ให้พ่อแม่คือนอกจากได้รับปริญญาแล้วยังได้เกียรตินิยมเสียด้วย ในจำนวนนักรียนรุ่นแกมี80กว่าคน มีคนได้เกียรตินิยมเพียง5คนและแกเป็นคนไทยคนเดียวที่ได้รับนอกนั้นเป็นสิงคโปร์บ้างฝรั่งบ้าง ผมเองก็ไม่ค่อยจะให้ความสำคัญเรื่องนี้มากนักเพียงขอให้จบก็พอแล้ว แต่เห็นลูกสาวว่ากว่าจะได้มาต้องทำงานหนักมากๆ ทั้งด้านปฏิบัติการและวิชาการ ถามว่าพ่อแม่มีความรู้สึกอย่างไรกับความสำเร็จในครั้งนี้ ก็คงต้องตอบได้ว่าพ่อแม่เกือบจบหน้าที่แล้ว นี่ก็เหลือเพียงแค่การแต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่นเท่านั้น (แต่เด็กสมัยนี้เรื่องการแต่งงานไม่ค่อยสนใจ บางคน30กว่าก็ยังไม่แต่งงาน เพราะถือว่าอยู่คนเดียวก็สบายดี เงินเดือนสูงๆก็มีใช้ เลยทำเอาพ่อแม่หลายครอบครัว เฝ้ารอเมื่อไหร่จะได้อุ้มหลานจนเหงือกแห้ง ดูอย่างพี่สาวผมที่ลูกชาย35แล้วยังไม่ยอมแต่งเสียที) ปกติผมเป็นคนชอบอากาศหนาว แต่ไม่ถึงขั้นหิมะตกก็ยังต้องไปร่วมงานกับเขาเลยครับ..
การเดินทางไปเที่ยวนี้เราใช้สายการบินไทยสายการบินแห่งชาติบินตรงสู่ซูริคเมืองใหญ่ที่สุดของเขาแล้วนั่งรถไฟไปอีก3ชั่วโมงจึงจะถึงเมืองที่โรงเรียนแกตั้งอยู่ รถไฟสวิสฯถือว่าดีทีสุดของโลก ทั้งเรื่องตรงเวลาและความสะดวกสบายบนรถ 12ชั่วโมงบินจาก กทม. แน่นอนผมหลับไปกว่าครึ่งเวลาที่นั่นช้ากว่าเรา6ชั่วโมง เลยทำให้วันแรกยาวนานเสียนี่กระไร หลังจากที่พักโรงแรมที่ดีที่สุดของเมือง2คืนเราก็เดินทางโดยรถรางไต่เขาไปนอนที่สถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับการแข่งสกีฤดูหนาวโอลิมปิคเชียวครับ ผู้คนไม่มากนักเพราะฤดูหนาว คนที่ไปมักจะชอบไปเล่นสกีครับ ซึ่งแน่นอนอากาศต้องหนาวเย็นกว่าข้างล่าง มีพิธีเลี้ยงฉลองก่อนวันรับมอบปริญญา ทันถึงวันมอบปริญญามีผู้คนมากมายจากทุกสารทิศมาร่วมแสดงความยินดีกับผู้ได้รับปริญญากว่า100คนซึ่งนอกจากระดับที่ลูกสาวเรียนแล้วยังมีระดับปริญญาโทด้วย หลังจากนั้นเราก็เดินทางมาค้างที่โรงแรมใกล้สนามบินซูริคอีก1คืน จึงเดินทางกลับรวมแล้วใช้เวลา7คืน ต่อไปงานที่ลูกสาวคนนี้ต้องทำคือ การเข้าจัดระเบียบให้กับโรงแรมวิสต้าที่กรุงเทพก่อน...สวัสดีครับ

12/3/09

ฑีฆายุโกโหตุ มหาราชา ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ
วันที่ 5 ธ.ค. เป็นวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของพระเจ้าอยู่หัว ของเราชาวไทยทุกคน กระผมและพนักงานในเครือวิสต้าทุกคน ใคร่ขอถวายพระพรให้ท่าน ทรงหายจากพระอาการประชวร กลับมาแข็งแรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดกาลนานเทอญ
ปีนี้เสียดายที่ไม่ได้จุดเทียนร้องเพลงสดุดีพระมหาราชา ดั่งเช่นทุกปีเพราะต้องเดินทางไปร่วมกิจกรรมรับมอบปริญญาบัตร ด้านการโรงแรมของลูกสาวคนโตที่สวิสฯ ท่ามกลางความหนาวติดลบและหิมะโปรยปรายกลางฤดูหนาว ผมเองเป็นคนไม่ชอบอากาศหนาวๆ แต่ทำไงได้ครับ 4ปีเต็มที่แกเพียรศึกษามาจำเป็นอยู่นี่เองที่พ่อแม่ต้องไปร่วมแสดงความยินดี กลับมาเที่ยวนี้คงจะมาช่วยผมจัดระเบียบระบบวิสต้าที่กทม.ซึ่งเปิดมาปีกว่าตอนนี้ลูกค้าเริ่มมากขึ้นแล้วครับ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าต่างชาติด้วย การไปครั้งนี้ผมเดินทางตรงสู่ซูริคเพื่อเดินทางโดยรถไฟต่อไปอีกกว่า3ชั่วโมงจึงจะถึงที่แกศึกษาอยู่ครับ หลายปีแล้วที่ไม่ได้ไปมา ตอนไปเรียนแรกๆก็ได้เดินทางไปเยี่ยม มาพักหลังงานมากขึ้นจึงไม่่มีเวลาไป บรรยากาศฤดูหนาวของสวิสฯใครๆคงทราบดีว่า มองไปที่ไหนก็คงหนีไม่พ้นความขาวโพลนของหิมะเป็นแน่แท้
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาหายเสียวไปในทันทีหลังจากที่ท่านนายกฯ ได้ยกเลิกการมาร่วมประชุมหอการค้าแห่งประเทศไทย หลังจากที่มีข่าวของคนเสื้อแดงว่าจะจัดการต้อนรับท่าน หากท่านเดินทางขึ้นมา ผมเป็นพ่อค้าคนหนึ่งก็ได้แต่เสียใจที่คนเชียงใหม่ขาดรายได้ไปมหาศาลเพราะบรรดาสมาชิกหอการค้าที่แจ้งว่าจะเข้ามาร่วมกว่า2พันต่างพากันหวาดผวา ยกเลิกไปกว่าครึ่ง เหลือพวกใจกล้าหรือยกเลิกไม่ทันไม่กี่ร้อยคน รายได้ต่อหัวที่จะมาใช้จ่ายก็พลันหายไป ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นๆของที่นี่ เลยทำให้ประชาชนคนพื้นเมืองก็ไม่ค่อยกล้าออกมาจับจ่ายซื้อของ หรือเที่ยวราตรี...ปลายเดือนมังเงินเดือนยังไม่ออก เสียงเปรยจากปากพ่อค้าคนหนึ่งคล้ายปลอบใจตัวเอง.. นี่ยังไม่รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติอาทิ สิงค์โปรซึ่งหน้าหนาวทีจะนั่งเครื่องบินSILK AIRบินตรงมาเที่ยวอีกมากมาย..เฮ้อพูดแล้วก็เหนื่อยเน๊าะ..
ได้ชมฝีมือของ เรน ไปโด่งดังเป็นพระเอกฮอลลีวู๊ดใน NINJA ASSASSIN แล้วบอกได้คำเดียวว่า ดูแล้วคิดถึงหนังกำลังภายในจีนสมัยผมยังเด็กไม่ได้ ผู้ร้ายเป็นร้อยเป็นพันสู้พระเอกคนเดียวไม่ได้ แต่ก็สนุกดีครับ...สวัสดี