Chiangmai Vista
Home | Vista Variety | Vista Movie | Show time

8/15/08

วิสต้าวาไรตี้ 14 สิงหาคม 2551

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวใหญ่นอกเหนือจากการเฉลิมฉลองถวายพระพรสมเด็จพระราชินีนาถของเราเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาคงหนีไม่พ้นของการหนีคดีของอดีตท่านนายกฯที่รักของผมพร้อมภริยาและครอบครัว สู่ประเทศอังกฤษท่ามกลางความตกอกตกใจของฝ่ายสนับสนุนท่าน บ้างก็ว่าท่านหลบไปตระเตรียมพละกำลังเพื่อกลับมาสู้ใหม่ บางคนก็บอกว่าท่านกลัวติดคุก เพราะในศาลมีอยู่หลาย ๆ คดีอย่างไรเสียมันจะพ้นผิดทุกคดีมันก็ดูกระไร ผมเองมีทั้งความดีใจที่ท่านจะได้พักผ่อนเต็มที่ในต่างแดน เสียใจที่ไม่เห็นท่านขึ้นศาลต่อสู้กับคดีต่าง ๆ ที่ท่านบอกว่าท่านถูกกลั่นแกล้ง,ใส่ร้ายเลยไม่ทราบว่าตกลงแล้วท่านทำแบบที่กลุ่มพันธมิตรเขาด่าว่าท่านหรือเปล่า? ห่วงท่่านคงไม่ห่วงเพราะท่านมีเงินมากมายถึงส่วนหนึ่งจะยังถูกอายัดอยู่ในประเทศไทยก็ตาม เรียกว่าตายอีกกี่ชาติก็ใช้ไม่หมดจริงไหมครับ?มีหลายคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามท่านเชียร์ให้ยึดทรัพย์ท่านทั้งหมด แต่ในความคิดผมแล้วน่าจะละเว้นทรัพย์สินที่ท่านเคยแจ้งไว้ช่วงก่อนเข้ามาทำงานการเมือง เห็นว่าแสนกว่าล้าน ส่วนอุณหภูมิการเมืองตอนนี้คาดเดายากเพราะเมื่อนายใหญ่ไม่อยู่บรรดาลูกน้องจะแบ่งสันปันส่วนทั้งเงินและงานหรืออำนาจกันอย่างไรคงต้องรอดูกันต่อไป สำหรับเรายังต้องผจญกับหลายสิ่งหลายอย่างตามประสาคนไทยตาดำๆ
และเช่นกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสชมภาพยนตร์ที่สร้างจากพระนิพนธ์ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ ซึ่งหลังจากชมแล้วต้องยอมรับว่าไม่ผิดหวัง...สำหรับคนอายุแบบผม 50 กว่าๆ...ในรอบผมนั้นผู้ชมส่วนใหญ่คือแม่และลูกๆ ที่วิสต้าเราไม่ค่อยจะเข้มงวดเรื่องของอายุเด็กๆที่พามานัก จึงทำให้คุณพ่อคุณแม่บางคนประหยัดถึงแม่ลูกตัวเองจะรูปร่างใหญ่โตอย่างไรก็ไม่ยอมซื้อเพิ่มให้น้องๆต้องยอมนั่งบนเข่าพ่อแม่จนกว่าแสงไฟส่องสว่างในโรงจะดับจึงจะขยับขยายนั่งที่ว่างข้างๆ เราก็ไม่ว่ากันครับ ทำไงได้หากไปเข้มงวดเขามากเดี๋ยวเขาก็จะไม่มาดูอุดหนุนเราหรอก ผู้จัดการบุญชอบเปรยให้ผมฟังจนมีเสียงหนาหูบอกว่ามาดูวิสต้าซื้อ1แถม1ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจริงไหมเพราะผมมาดูก็เฉพาะวันสุดสัปดาห์ พักเรื่องนั้นไว้่ก่อน มาคุยเรื่องเนื้อหนังจะดีกว่าว่าทำไมจึงไม่มีวัยรุ่นมาอุดหนุนก็ดาราแต่ละคนไม่มีชื่อเสียงนัก แต่ด้วยเหตุนี้กระมังจึงทำให้ผมมีความรู้สึกอินกับบททุกคนเล่นดีมาก รวมถึงบรรดาน้องๆลูกๆถึงเวลาร้องไห้้้เลยฟูมฟายกัน น้ำตาเจ่อนองทั้งใบหน้า โรงเรียนเพียงหลวง ในเรื่องผมว่าในความเป็นจริงมันมีให้เห็นทุกแห่งหนในชนบทของไทยเรา ภรรยาผมเป็นคนอุบลฯแถมยังอยู่นอกเมือง ภาพโรงเรียนแบบนี้เห็นกันเป็นประจำต่อใหุ้ยุคนี้ก็เถอะ ปัญหาการขาดแคลนครูก็ยังเหมือนเดิม ก็ลองคิดแบบใจเขาใจเรา มีใครที่เรียนจบมาแล้วอยากอยู่บ้านนอกที่หาความเจริญในหน้าที่ยากนัก สู้สอนในเมืองที่เจริญๆไม่ดีกว่าหรือ? ถึงทำให้การเรียนการศึกษาในบ้านเราไม่เจริญก้าวหน้า ท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันในโรงเรียนในเมืองวันหนึ่งใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียนมากกว่าอยู่ที่บ้านหลายเท่านัก แทนที่จะเลิกเรียนกันตามเวลามาตรฐาน 15.30น. ยังต้องเรียนพิเศษต่อด้วยข้ออ้างว่ามันจะไม่ทันเพื่อน หรือเพื่อให้ครูรักก็ไม่ทราบได้ ผมโชคดีที่ลูกๆมันฉลาด ด้วยอ่อนแอทางด้านคณิตศาสตร์เลยหนีไปเรียนนิวซีแลนด์ เวลาเรียน08.00-15.30จากนั้นกลับบ้าน หนังสือก็ไม่ต้องแบกไปเป็นกิโลๆแบบบ้านเรา ข้าวปลาก็ทานที่บ้านไม่ต้องไปทานกันบนรถ นอนก็นอนเต็มตา เฮ้อ ก็ได้แต่สงสารพ่อแม่เด็กนักเรียนเมืองไทยเสียนี่กระไร หันกลับมาที่เนื้อหาของหนังผมว่าหากเมื่อใดลาโรงแล้วน่าจะทำเป็นวิดีโอแล้วส่งไปฉายตามฟรีทีวีหรือเคเบิ้ลเพราะจะทำให้หลายๆคนเข้าใจถึงโรงเรียนชนบทแล้วอาจจะทำให้หนุ่มๆสาวๆอยากไปสอนหนังสือที่โน่นบ้าง คนเขาบอกว่าประเทศชาติใดที่เจริญก็ด้วยประชาชนชาตินั้นๆมีการเรียนการศึกษาที่ดี เด็กก็เปรียบเสมือนผ้าขาวที่หากดูแลรักษาดีๆมันจะคงไว้ซึ่งความขาว แต่หากรักษาไม่ดีด้วยพ่อแม่ไม่มีเวลาหรือครูไม่มีจริยะธรรม จรรยาบรรณของความเป็นครู ผ้าขาวนั้นอาจจะแปดเปื้อนด้วยสิ่งโสโครก อีกทั้งทุกวันนี้เด็กนักเรียนเองก็ไม่ค่อยจะกลัวครู เคารพนับถือครูเหมือนสมัยผมที่พอเห็นครูปั๊ปก็กลัวเกรง แถมเด็กบางคนถึงกับเอ่ยว่าที่เก่งมาได้ก็ด้วยตนเองมิใช่จากความช่วยเหลือของครูสักหน่อย ...สวัสดีครับ

1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณมากครับ สำหรับบทความ