ผมเพิ่งเดินทางกลับจากสวิสเซอร์แลนด์เมื่อหลายวันก่อน การไปครั้งนี้เป็นการฉลองครบรอบ18ปีของผู้ใกล้ชิดปีนี้ผมไปสวิสฯถึง3ครั้งแล้ว จะว่าไปผมก็ชอบประเทศนี้่อยู่มากๆนะครับ เพราะไปที่ไหนสะอาดสอ้านสะดวกสบายรถไฟของเขาผมว่าน่าเป็นรถไฟที่ตรงเวลาที่สุด และสะดวกในการขึ้นลง ไม่ต้องพูดถึงความเร็วเพราะเร็วกว่าบ้านเราหลายเท่า เพราะเป็นประเทศไข่แดงในยุโรปดังนั้นการเดินทางไปประเทศข้างเคียงเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง ไปครั้งนี้ก็ยังคงไปพักที่เมืองมองเตอร์ตั้งอยู่ริมทะเลสาปเจนีวา มองข้ามไปก็ฝรั่งเศสเมืองเอเวียนที่ทำน้ำดื่มขายดังไปทั่วโลก แต่เที่ยวนี้ผมลงที่เมืองชูริคเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศซึ่งต้องนั่งรถไฟมาที่พักผม 2 ชั่วโมงเศษ โรงแรมที่พักยังเหมือนเดิมเพราะติดใจในบริการและทิวทัศน์ที่มองออกไปนอกหน้าต่างจนบางคนคิดว่าผมเอารูปตัวเองไปแปะไว้กับสติ๊กเกอร์ โชคดีที่เลือกสัปดาห์ไปถูกก่อนหน้านั้นฝนตกทุกวัน หลังจากที่พักผ่อนจากการเดินทางบนเครื่อง12ชั่วโมงแถมรถไฟอีกกว่า3ชั่วโมง วันรุ่งขึ้นได้มีโอกาสนั่งรถไฟไปดูโรงเรียนการโรงแรมที่ลูกสาวเคยเรียน วันต่อมานั่งรถไฟข้ามประเทศอิตาลีไปยังเมืองมิลานซึ่งได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางแฟชั่น แวะไปชมดูโมหรือมหาวิหารประจำเมืองที่เคยเห็นแต่รูปโฆษณาความสวยอลังการ แต่ความสะอาดแล้วเทียบสวิสไม่ได้ครับ วันต่อมาเดินทางไปรถไฟอีกเช่นกันไปยังเมืองอินเทอราเก้นเมืองที่มีทะเลสาปถึง2ทะเลสาปโอบล้อม แล้วก่อนวันสุดท้ายพากันนั่งรถไฟไปยังเมืองโลซานซึ่งเป็นเมืองที่สมเด็จย่าของเราเคยอาศัยอยู่จนทางเมืองได้สร้างศาลากลางใจเมืองถวายเพื่อเป็นที่ระลึกถึงท่าน จากนั้นเรานั่งเรือข้ามฝากอีกเพียง30นาทีก็ถึงเมืองเอเวียนของฝรั่งเศส ทานข้าวเที่ยงแล้วหวังจะเดินซื้อของสักหน่อย ปรากฏว่าที่นั่นเขามีการปิดพักเที่ยงจะเปิดอีกครั้งก็2โมงครึ่งพอดีเวลาเรือจะกลับเลยอดเสียตังค์ แต่ไม่เป็นไรเราพากันนั่งรถไฟต่อไปยังเมืองเจนีวาที่ขึ้นชื่อของน้ำพุที่พุ่งสูงเหนือทะเลสาบเจนีวาที่แสนใหญ่โตเรียกว่าหากขับรถให้รอบต้องใช้เวลาเป็นวันๆ โชคดีที่ร้านค้าเขาปิด6โมงเย็นเลยได้มีโอกาสเสียตังค์บ้างเล็กน้อยกับนาฬิกากุชชี่1เรือนเพราะเรือนเก่าคนใกล้ชิดเขาบอกว่าใช้เป็น10ปีแล้ว...เวลาเร็วจัง วันรุ่งขึ้นนั่งรถไฟกลับมาสนามบินซูริคเพื่อกลับไทย ผมว่าหากใครได้ไปหลายๆประเทศในยุโรปต้องชอบสวิสและหากมีโอกาสต้องกลับมาอีก เสียอย่างเดียวค่าครองชีพเขาสูงมากๆ โรงแรมที่พักคืน1เกือบ2หมื่นบาทราคาคงรวมค่าวิวด้วยนะครับ เราไม่ได้ไปบ่อยๆก็ช่างมันเถอะครับเอาสบายดีกว่า พอกลับมาได้ก็รีบไปดู สะบายดี2 เพราะสั่งเจ้าหน้าที่ไว้ว่าถึงรายได้ไม่ดีอย่าเพิ่งถอดเพราะเจ้าของอยากดู จริงดั่งว่าอาจด้วยมุขขบขันต่างๆของคนลาวได้มาถูกเผยแพร่แล้วในภาคแรกจึงทำให้หนังดูอ่อนเอามากๆ นางเอกหลังจากที่สวยแบบใสๆในภาคก่อนมาภาคนี้ผ่ายผอมเสียเหลือเกินทั้งๆที่ทราบมาว่าเธอไปใช้ชีวิตอยู่ที่จีน หนังได้เรย์มาเป็นพระเอก..ดูแล้วถึงรู้ว่าทำไมอนันดาไม่เล่นไปเล่นชั่วฟ้าฯแทน ภูมิใจตรงมีผ้ากันเปื้อนราชาชูรสให้เห็นโดยที่ไม่ได้เสียเงินโฆษณา...สวัสดีครับ