หลังจากที่ได้ไปเที่ยวชมหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก นครวัต นครทม เมื่อช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กับลูกๆ เกิดประทับใจในความงดงามของที่แห่งนี้เลยเกิดความคิดที่จะนำกรรมการบริหารสมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ กทม. ที่ผมเป็นนายกฯมาถึง8สมัยไปเที่ยวกันซึ่งเมื่อปีที่แล้วได้จัดทัวร์ให้พวกเขาได้ไปลาว-เวียดนามตอนกลางดานัง/เว้ เมื่อกลับมาบรรดากรรมการที่ไม่ได้ไปตอนนั้นเสียดาย ถึงแม้เราจะมีกัน30กว่าคน แต่เที่ยวนี้ไปกันเพียง21คน ดังนั้นเพื่อให้ครบตามจำนวนที่กรุ๊ปทัวร์เขากำหนดคือ30คน จึงนำทีมขายของราชาชูรสไปแจมด้วย รวมกันได้มาครบตามจำนวน ออกเดินทางตั้งแต่ก่อนรุ่งสางจากทม.มุ่งสู่อรัญประเทศเพื่อไปข้ามแดนที่นั่น หลังจากการเดินผ่านด่านประเทศไทยมีบรรดาคาสิโนมากมาย เมื่อเดินถึงด่านเขมร เราทำวีซ่ามาก่อนจึงสะดวกในการผ่าน ใช้เวลาไม่กี่นาที เดินทางอีก45กิโลที่ถนนขรุขระบ้างแต่ก็ดีกว่าแต่ก่อนใช้เวลาเกือบชั่วโมงเราถึงเมืองศรีโสภณ(ในอดีตเคยเป็นของไทย) ใช้ห้องน้ำแล้วจึงออกเดินทางต่อไปยังเมืองเสียมราฐหรือเสียมเรียบระยะทางเพียง100กว่ากิโล แต่เนื่องจากถนนไม่ดี กำลังพัฒนาอยู่(คาดว่าปีหน้าคงจะเสร็จ) กับเวลากว่า2ชั่วโมงเราจึงถึงเมืองเสียมเรียบ รับประทานอาหารเที่ยงแล้วเขาพาไปล่องทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของเอเซีย "โตนเลสาบ" ดูชีวิตความเป็นอยู่ของคนชาวแพ ก่อนพระอาทิตย์จะอัสดงเขาพาเราขึ้นเขาไปชมพระอาทิตย์ที่จะตก นอกเหนือจากความสูงของภูเขาเรายังต้องปีนบันไดขั้นเล็กๆกว่า100ขั้นขึ้นไปที่ปราสาท ผู้คนรอชมพระอาทิตย์ตกเรือนหมื่น
เช้าวันรุ่งขึ้นพาเที่ยวนครวัต นครทม เพราะอากาศที่แสนร้อนต้นฤดูร้อนเล่นเอาหลายคนเพลียกันเป็นแถว แต่กับความงามที่ตอนอยู่ที่นั่นก็เฉยๆ แต่เมื่อถ่ายภาพออกมาแล้วพากันหายเหนื่อยและหวังจะกลับไปอีกครั้งในหน้าหนาวปลายปีดั่งที่ผมเคยพาลูกๆไปมา
วันที่3พาไปช๊อปปิ้งแต่ราคาแพงมากเพราะที่นั่นเขาซื้อ-ขายเป็นเงินดอลลาร์ กลับไปทานอาหารเที่ยงที่ศรีโสภณแล้วจึงเดินทางกลับผ่านด่านปอยเปต/อรัญฯเมือนขามา ทุกคนบอกคุ้มค่าต่อการนั่งรถเขย่าเหมือนเล่นของเล่นในสวนสนุกเกือบ2ชั่วโมง ผมดีใจที่ทุกคนมีความสุขและสัญญาว่าปีหน้าอาจจะพาไปเที่ยวชมความงามของลาวใต้ ปากเซกันอีก เอารูปสวยๆมาฝากให้ชม...สวัสดีครับ
No comments:
Post a Comment