Chiangmai Vista
Home | Vista Variety | Vista Movie | Show time

11/1/07

วิสต้าวาไรตี้ 1 พฤศจิกายน 2550

นอกเหนือจากการใช้ แอร์เอเซีย บินขึ้นมาเชียงใหม่แล้วอีกสายการบินหนึ่งที่จัดอยู่ในหมวดLOE COSTก็คือ นกแอร์ แต่เขาบินออกจากดอนเมืองจึงทำให้ผมไม่ค่อยสะดวกนัก บ้านอยู่ถนนศรีนครินทร์ เพียงไม่กี่นาทีก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ นกแอร์ได้เปรียบที่ ที่นั่งสามารถจองล่วงหน้าได้ขณะที่แอร์เอเซียต้องไปแย่งเขาตอนขึ้นเครื่อง ราคานั้นพอๆกันครับ บริการของน้องๆทั้งที่เช็คอินและบนเครื่องก็ยิ้มแย้มไม่แพ้กัน นี่เห็นว่าเขากำลังซื้อเครื่องบินโบอิ้งใหม่ 737-800 มาให้บริการพร้อมๆกับแอร์เอเซียที่จะเอาแอร์บัสเอ320มาบิน คนที่ได้ประโยชน์คงหนีไม่พ้นผู้โดยสาร แถมราคาที่ต่อสู้กันดุเดือด นกแอร์จะเริ่มบินสู่ฮานอยเมืองหลวงเวียดนามโดยโฆษณาราคาค่าตั๋ว3บาท แอร์เอเซียถือว่าบินมานานเลยเกทับไปเป็น0บาท ใครเลยที่จะทนต่อราคาอันเย้ายวนนี้ได้ แต่หากคิดแบบเหมาหมดปาเข้าไปต่อเที่ยวไม่ต่ำกว่า1500บาทซึ่งก็ยังถือว่าถูกอยู่ นานๆจะได้บินเที่ยวกลางวันเพราะส่วนใหญ่จะช่วงเย็นๆค่ำๆ วันก่อนใช้บริการนกแอร์ลงดอนเมืองเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นสภาพสนามบินแล้วอดวังเวงไม่ได้ เลยทำให้คิดไปว่าทำไมการท่าฯไม่ยอมเสียหน้าสักนิดแล้วปิดสนามบินดอนเมืองแห่งนี้แล้วไปใช้รวมกันที่สุวรรณภูมิ ไหนจะค่าไฟฟ้า ค่าแอร์ เจ้าหน้าที่ยังไงๆก็คุ้มกับการมาเก็บค่าLANDING FEE จากบรรดาสายการบินเพียงนกแอร์ / วันทูโก (ที่ตอนนี้พนักงานขายตั๋วตาปรือๆจะหลับๆ) หรือการบินไทยที่นับวันก็ถอนเที่ยวบินที่บินจากดอนเมืองไปเรื่อยๆ เหลือบดูจอทีวีที่สนามบินจะเห็นว่ามีน้อยเที่ยวนักที่เขาจะบินมาเชียงใหม่หรือแม้แต่ภูเก็ต ใช่ครับที่ปีที่แล้วการจราจรที่สุวรรณภูมิคับคั่งก็เพราะงานพืชสวนโลก ผมก็ได้แต่เสนอในฐานะที่เดินทางบ่อยทุกอาทิตย์ก็ว่าได้ครับ
"โอปปาติก" หนังไทยชื่อเรียกยากอีกเรื่องหนึ่งที่สามารถเรียกต่อมความอยากของผม อีกทั้งดาราแต่ละตัวไม่ว่าจะเป็นนิรุต ศิริจรรยา / เต๋า สมชาย เข็มกลัด ฯลฯ แต่เมื่อเข้าไปดูแล้วต้องบอกว่าหนังอะไรก็ไม่รู้มืดทั้งเรื่อง ดูๆแล้วคิดว่าคนทำคงได้รับอิทธิพลจากหนังฝรั่งอย่าง UNDERWORLD เช่นเคยกับหนังที่เล่าเรื่องไม่เก่งทำให้คนดูงงและเบื่อไปในที่สุด หนังเรื่องนี้เพิ่งทราบมาว่าสร้างมา3ปีแล้วยังไม่เสร็จเสียที ก็จึงทำให้หลายๆฉากเชยไปแล้ว และขอสารภาพว่าเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งในรอบปีที่ผมดูแล้วภาวนาว่าเมื่อไหร่มันจะจบกันเสียที ตัวละครแต่ละตัวก็เป็นอมตะ ฆ่าไม่ตาย แต่ผู้กำกับก็ช่างส่งทหารสวมหมวกไหมพรมบังใบหน้ามาฆ่าได้เป็นระยะๆ ก็เขาเป็นอมตะ ทำไมต้องเปลืองกระสุนปานนั้น และคิดไปเองว่าคนสร้างคงประหยัดค่าตัวดาราประกอบทหารเหล่านั้น เพราะปิดบังใบหน้า ดังนั้นหากตายไปก็ไม่ผิดที่จะกลับมาเล่นต่อได้ ไม่เปลืองค่าตัวดี ขอชมความนิ่งของ นิรุต ตัวเอกของเรื่องที่ฝีมือถึงแม้อายุจะมากแล้วแต่ยังกินขาดดาราคนอื่นๆหมด ผมคิดไปว่าหากหนังไทยยังเป็นเช่นนี้อยู่คงอีกไม่นานบรรดาวัยรุ่นที่หลังๆหันมาอุดหนุนหนังไทยเขาจะเอือมระอาแล้วก็เลิกอุดหนุนหนังไทยไปในที่สุด ไม่ทราบบรรดากรรการสมาคมสมาพันธ์ฯของผมทำอะไรกันอยู่ ไม่ระดมสมองแก้ไขปัญหานี้...สวัสดี

No comments: