Chiangmai Vista
Home | Vista Variety | Vista Movie | Show time

2/13/09

สุขสันต์วันแห่งความรัก 2009
วันเสาร์ที่ 14 ก.พ. เป็นวันแห่งความรัก คาดว่าปีนี้คงจะมีการจัดงานกันมากมายเพราะตรงกับวันเสาร์ ส่วนใหญ่ผู้ที่จะไปฉลองมักจะเป็นบรรดาวัยรุ่น ทำให้เสียงกระซิบดังๆว่าคืนนั้นบรรดาโรงแรมม่านรูดจะขายดิบขายดีมีคนไปใช้บริการเยอาะ แต่กับคนวัยกลางคนอย่างผมมักจะคิดถึงลูกและครอบครัวซะมากกว่า เป็นประจำทุกปีที่ผมมักจะกล่าวผ่านทางวาไรตี้นี้ว่า วันแห่งความรักไม่น่าจะถือแค่วันเดียว น่าจะให้ทุกๆวันเป็นวันแห่งความรัก และความรักในที่นี้มิใช่สำหรับหนุ่มสาวเท่านั้นแต่กับพ่อแม่ลูกๆและครอบครัวย่อมมีความรักให้แก่กันได้ ไทยเรามีวันครอบครัวคือช่วงสงกรานต์แต่นั่นคือคนไทย แต่กับคนทั่วโลกวันวาเลนไทน์ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของพวกเขาครับ ดอกกุหลาบมักจะขายดี ในช่วงที่ผมแตกวัยหนุ่มมีบางปีปาเข้าไปคอกร้อยกว่าบาท แต่ระยะหลังเศรษฐกิจไม่ดีพ่อค้าแม่ขายขาดทุนกันเป็นแถว เลยทำให้ความฮิตในเรื่องดกอกุหลาบสดลดน้อยลง หันไปหาคอกกุหลาบที่ทำจากวัสดุอื่นที่สามารถเก็บได้นาน ขอให้ลูกค้าวิสต้าทุกท่านมีแต่ความสุขและแบ่งปันความรักให้กันและกัน แล้วอย่าลืมไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ด้วยล่ะ
เมื่อพูดถึงลูกและครอบครัวแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องลูกๆให้ฟังกันอีกสักครั้ง ตอนนี้ลูกสาวคนโตอายุ 24 เข้าไปแล้วหลังจากที่มาฝึกงานที่โรงแรมแชงกรีล่าเชียงใหม่กว่า6เดือน ตอนนี้เดินทางกลับไปโรงเรียนการโรงแรมที่สวิสฯแล้วจะเรียนเป็นปีสุดท้ายครับ หลังจบคงจะได้มาช่วยพ่อทำโรงแรมที่เชียงใหม่และกรุงเทพฯ ยอมรับจริงๆว่ามีลูกสาว2คนลูกชาย1คน ลูกสาวน่ารักกว่าลูกชายเยอะครับ โดยเฉพาะลูกสาวคนโตที่ลูกค้าวิสต้าอาจจำเธอได้ช่วงที่เรามาเปิดโรงหนังใหม่ๆจะมีรูปเด็กใส่ชุดไทยยกมือไหว้คนดู เดี๋ยวนี้เธอเป็นสาวแล้วครับ ส่วนลูกชายคนที่2ชอบไปทางดนตรี เรียนที่นิวซีแลนด์มา3ปีชักเบื่อ อยากมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย ตอนนี้เตรียมตัวไปเรียนเอแบคในปีการศึกษาที่จะถึงนี้ครับ ส่วนลูกสาวคนเล็ก18ปีแล้วจบไฮสกูลที่นิวซีแลนด์ ชอบขีดๆเขียนๆเหมือนพ่อ เลยเลือกที่จะเรียต่อที่มหาลัยที่กรุงเวลลิงตัน เมืองหลวงนิวซีแลนด์ครับในด้านดีไซน์ อีก4ปีจบ
เห็นเรื่องโอเน๊ต-เอเน๊ตเมืองไทยแล้วพาลปวดหัวแทนพ่อแม่คนไทยจริงๆครับ เพราะจะว่าไปเรื่องการศึกษานั้นแสนง่าย แต่ระบบราชการมันทำให้ต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากัน นอกจากจะเรียนธรรมดาที่โรงเรียนแล้วหลังเลิกเรียนยังต้องเรียนพิเศษกวดวิชา มิเช่นนั้นจะสู้เพื่อนไม่ได้ กว่าจะกลับถึงบ้านปาเข้าไปทุ่ม2ทุ่ม พักผ่อนหลับนอนแล้วตี5ตื่นแต่งตัวมาโรงเรียนอีก วันเสาร์/อาทิตย์แทนที่จะพักผ่อน ต้องไปขวนขวายเรียนพิเศษอีก เรียกว่าสัปดาห์ทั้งสัปดาห์ไม่มีเวลาว่างๆพักผ่อนหัวสมองเลย แถมเวลาจะจบไปต่อมหาวิทยาลัยก็ยังไม่วายต้องแก่งแย่งที่เรียนกันอีก คนไทยมัน60กว่าล้านคน ย่อมต้องมีการแข่งกันสูง ผิดกับนิวซีแลนด์ที่มีประชากรเพียง3-4ล้านคน และคนส่วนใหญ่หลังจากจบภาคบังคับไฮสกูลแล้วมักจะไปทำงานกัน น้อยมากที่จะต่อมหาวิทยาลัย นี่คือเหตุผลที่ลูกๆผมมันฉลาดหนีไปเรียนที่นั่นตั้งแต่เล็กๆและรู้ว่าสู้กับเขาไม่ได้ โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งผมก็เหมือนกันตอนเด็กๆสอบตกทุกทีกับเจ้าตัวเลขต่างๆ แต่โชคดีมาชอบทางภาษาอังกฤษเลยไปนอกซะเลยครับ...สวัสดี

No comments: