สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเหตุการณ์ที่แน่นอนว่าจะต้องเอ่ยถึงก็คือ การเกิดแผ่นดินไหวที่ กทม. ครั้งนี้ดูเหมือนจะแรงกว่าครั้งก่อนๆ ผู้ที่อยู่ตึกสูงๆต่างกลัวตายหนีกันลงมาข้างล่างกันหมด สำนักงานของผมก็เช่นกัน หลายคนที่ตกใจจนลืมไปว่าเขาไมให้ใช้ลิฟท์ แต่พากันใช้ลิฟท์เป็นแถว ดีนะที่เกิดเพียงครั้งเดียวมิเช่นนั้นคงติดลิฟท์กันเป็นแถว ปกติที่ทำงานผมจะอยู่ชั้น 21 ครับ พอดีวันนั้นผมไม่อยู่ กำลังยู่ในระหว่างการเดินทางไป สหวันเขต ประเทศลาว ลงเครื่องที่อุบลฯ และกำลังขับรถไปมุกดาหารเพื่อข้ามแม่น้ำโขงที่นั่น มีเจ้าหน้าที่โทรไปแจ้งเลยต้องรีบโทรไถ่ถามบรรดาผู้ใกล้ชิด ภรรยาผมเดินทางอยู่บนท้องถนนเลยไม่รู้สึก พี่สาวยิ่งแล้วใหญ่แกคงไม่ค่อยจะดูทีวี มารู้ก็บ่ายวันรุ่งขึ้นเชยจังนะ หลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนี้คงทำให้คนเมืองหลวงขัวญผวากันไปสักพัก แต่ไม่เป็นไรคนไทยลืมง่ายครับ ข่าวอีกข่าวที่ทำเอาคนไทยโดยเฉพาะแฟนลูกหนังพรีเมียร์ชิพของอังกฤษต้องพากันเฮก็คือการเข้าซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ของท่านอดีตนายกฯที่รักยิ่งของผม ม่านทักษิณ กับเงินกี่พันล้านบาทไทยที่ทุ่มซื้อสโมสรที่อนาคตไม่ค่อยสว่างไสวนักเพราะปีที่ผ่านมาอยู่กลางๆค่อนไปทางโซนตกชั้น เลยทำให้ผมคิดว่าเป็นมุขของท่านหรือเปล่า? เพราะท่านตอนอยู่ในตำแหน่งมีมุขไม่เว้นแต่ละวัน ส่วนใหญ่จะเป็นมุขหลอกเสียมากกว่า ถามว่าภูมิใจไหมกับประเทศที่ยังยากจนอยู่ผมว่าไม่ครับ ยังคิดเลยเถิดไปถึงพวกฝรั่งมังค่าต่างแดนเขาจะหัวเราะเยาะเราไหมหนอ ตอนที่ท่านอดีตนายกฯเป็นนายกฯถึง6ปี หากท่านคิดสักนิดเอาเงินจำนวนนั้นมาพัฒนาฟุตบอลไทยอาจจะมีโอกาสนำทีมไทยไปบอลโลกดั่งที่หลายๆคนฝันไว้ ตอนนี้ท่านแทบจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ๆแล้ว ท่านกลับมาคิดทำแบบนี้ คงต้องให้คนรักและคนชังเขาวิพากษ์วิจารณ์กันไป สำหรับผมเวลาขับรถไปบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ทีไรก็คิดแค้นทุกที ทุกแยกมีการขุดเจาะแต่ไม่มีแยกไหนเสร็จสักแยกเดียวอายคนที่เขาไปมากันครับ นี่เห็นว่ายกเลิกคนทำแล้วจะประมูลใหม่ สมบัติผลัดกันชมแบบสนามบินดอนเมืองไหมหนอ?
หนังจีนโรงใหญ่กับคนไทยเดี๋ยวนี้ไม่ขลังเหมือนในอดีตแล้วครับ ดูอย่างหนังจีนเรื่องหนึ่งที่ทางเขาให้เป็นโปรแกรมทองฉลองปีใหม่ที่ผ่านมา PROTEGE ชื่อไทยอย่าไปจำเลยครับเรียกยาก มีดาราดังๆอย่าง หลิวเต๋อหัว/แดเนียล วู/แอนนิต้า หยวน สร้างโดย ปีเตอร์ ชาน ที่เป็นคนจีนเชื้อสายไทยที่สร้างหนังดังๆมานับสิบๆเรื่อง กำกับโดย ดีเร็ก ยี หรือหลายคนอาจจะรู้จักเขาในชื่อ เอ๋อตงเชิน น้องชายแท้ๆเดวิด เจียง ซึ่งตอนแกเล่นหนังก็ไม่ค่อยจะดัง หนังเล่าเรื่องราวของยาเสพติดเฮโรอีน ที่ทุกวันนี้โดน ยาอี แซงหน้าไปแล้วถึงขั้นสาธิตวิธีการทำ การปลูกฝิ่นในไทย การขาย เรียกว่าใครไม่รู้จักเป็นต้องรู้จัก เนื้อหาสาระน่าติดตามดี แม้จะไม่มีการไล่ล่าแอ๊คชั่นก็เถอะ น่าเสียดายที่คนดูน้อยไปหน่อย อาจจะเพราะกำลังบ้าหนังเกาหลีกันอยู่ ทั้งๆที่ผมว่าพระเอกเกาหลีหล่อหล่อสู้ฮ่องกงไม่ได้ครับ ใครที่ชอบดูหนังแบบต้องใช้ความคิดไม่ใช่ปัญญาอ่อนน่าจะชอบเรื่องนี้ครับ 1ใน2เรื่องที่ผมอยากดูก็ได้ดูและสมหวังกับมันแล้ว ยังขาด CONFESSION OF PAIN อีกเรื่องครับ... สวัสดี...
5/25/07
5/19/07
vista Variety 17 May 07
เมื่อหลายวันก่อนผมได้ไปอ่านเจอข่าวเล็กๆในหน้า นสพ. เกี่ยวกับการบินไทยที่ออกมาแจ้งผลการดำเนินการว่าปีนี้อาจจะขาดทุน ทั้งนี้และทั้งนั้นก็เพราะการเปิดสนามบินดอนเมืองทำให้ต้องมีการจ้างพนักงานเพิ่มอาจจะเรียกว่าเกือบ2เท่า และจนบัดนี้ก็ยังไมาสามารถชี้ชัดว่าการเปิดแล้วมีผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้นหรือไม่? ผมมีเพื่อนต่างชาติเขาพูดว่าทุกวันนี้เขาเดินทางมาเที่ยวไทยลงที่สุวรรณภูมิแล้วหาเครื่องต่อไปยังภูเก็ตหรือมาเชียงใหม่โดยการบินไทยนั้น มี แต่ต้องคอยนานไม่เหมือนแต่ก่อนที่มีสนามบินแห่งเดียว จึงทำให้เขาไม่มีทางเลือกที่จะต้องบินโลว์คอสต์ แต่น่าสงสารที่สุวรรณภูมิมีเพียงแอร์เอเซีย เลยต้องไปอุดหนุนเขา พร้อมกับให้ความเห็นว่าทำไมที่ดอนเมืองไม่ให้นกแอร์บินเจ้าเดียวแล้วย้ายการบินไทยทั้งหมดกลับมา เพราะนกแอร์ก็ของการบินไทยอยู่แล้ว เดี๋ยวนี้แอร์เอเซียซ่ามากๆถึงกับไปโฆษณาหราอยู่นสพ.ท้องถิ่นบ้านเขาว่าเป็นสายการบินโลว์คอสต์เดียวที่ขึ้นลงสุวรรณภูมิ ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว เป็นเพียงข้อคิดเห็นจากนักท่องเที่ยว คนหนึ่งเท่านั้นครับ อย่าถือสาหากเห็นว่าน่าสนใจก็โอเคครับ
มีเสียงแผ่วๆ มาจากสายลมเข้าหูผมว่าเวอร์ไปหรือเปล่าที่ใจถึงลงเงินคนละเกือบ2หมื่นห้าให้พนักงานหัวหน้าแผนกโรงแรมวิสต้าไปเที่ยวฮ่องกงเสียดายวันนั้นผม ไม่สามารถหาต้นเสียงนั้นได้เลยไม่ได้ตอบกลับ เลยขอถือโอกาสตอบกลับทางวาไรตี้นี้ หากเจ้าของเสียงนั้นอ่านพบ เขาจะได้เข้าใจว่า ผมมีคติประจำใจ "ใครทำดีกับเรา เราต้องดีตอบ" แต่หากใครทำไม่ดีเราก็ต้องตอบโต้ KPI หากใครที่ทำงานราชการคงพอจะเคยได้ยินคำนี้ KEY PERFORMANCE INDICATOR หรือ ดัชนีชี้วัด ในภาคภาษาไทย จากที่ผมมีการทำกับราชาชูรสมาปีนี้เป็นปีที่สามแล้วปรากฎว่าได้ผลดีพนักงานที่โรงงานต่างมุ่งมั่นที่จะทำให้โรงงานมีประสิทธิผลดีขึ้นกว่าก่อน ผมจึงดัดแปลงมาใช้ที่โรงแรมโดยทำให้เข้าใจง่ายและง่านต่อการปฏิบัติ โดยกำหนดให้รายได้รวมของปี2548ดีกว่า2547 ...% หรือปี2549ดีกว่าปี2548 ...% และให้รายจ่ายน้อยกว่าปีก่อนๆ ...% ปีก่อนเขาทำได้เลยพาไปเที่ยวสิงคโปร์ โดยที่ปีที่ผ่านมาพวกเขาเองก็พากันหัวเราะว่าจะได้หรือ? แต่เขาลืมคิดเรื่องพืชสวนโลกที่ทำให้KPIเขาทะลุเป้า นอกเหนือจากการที่เรามีโบนัสพิเศษให้พนักงานทุกคนโดยคิดเป็นวันใครมาทำงานให้กับเรากี่วันก็เอาวันคูณ เล่นเอาพนักงานหายเหนื่อยไปตามๆกัน ผมไม่ทราบนะครับที่อื่นมีใครเขาทำกันบ้างหรือไม่ แต่เราทำ นี่คือที่มาว่าผมบ้าที่จะพาพวกเขาไปเที่ยวได้อย่างไร? โดยที่ปีนี้เราบอกว่าถ้าทำถึงจะพาไปปีนกำแพงเมืองจีนกัน ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนก็ยังหัวเราะอยู่ดีว่าจะทำถึงหรือ? ต้องคอยตามดูกัน ประสาแฟนบอลเขาพูดกันว่าหากกรรมการตัดสินยังไม่เป่านกหวีดหมดเวลาก็ถือเสมือนว่าเกมยังไม่เลิก ผมดีใจที่เห็นใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของพวกเขาทุกครั้งที่พาไปเที่ยว เพราะทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากไม่มาทำงานที่วิสต้าไม่รู้ว่าชาตินี้เขาจะได้ไปเที่ยวแบบนี้หรือเปล่า? เอาเป็นว่าหากเขามีใจให้เราหากเราไม่มีให้เขาคงจะใจดำไปหน่อย...สวัสดีครับ...
มีเสียงแผ่วๆ มาจากสายลมเข้าหูผมว่าเวอร์ไปหรือเปล่าที่ใจถึงลงเงินคนละเกือบ2หมื่นห้าให้พนักงานหัวหน้าแผนกโรงแรมวิสต้าไปเที่ยวฮ่องกงเสียดายวันนั้นผม ไม่สามารถหาต้นเสียงนั้นได้เลยไม่ได้ตอบกลับ เลยขอถือโอกาสตอบกลับทางวาไรตี้นี้ หากเจ้าของเสียงนั้นอ่านพบ เขาจะได้เข้าใจว่า ผมมีคติประจำใจ "ใครทำดีกับเรา เราต้องดีตอบ" แต่หากใครทำไม่ดีเราก็ต้องตอบโต้ KPI หากใครที่ทำงานราชการคงพอจะเคยได้ยินคำนี้ KEY PERFORMANCE INDICATOR หรือ ดัชนีชี้วัด ในภาคภาษาไทย จากที่ผมมีการทำกับราชาชูรสมาปีนี้เป็นปีที่สามแล้วปรากฎว่าได้ผลดีพนักงานที่โรงงานต่างมุ่งมั่นที่จะทำให้โรงงานมีประสิทธิผลดีขึ้นกว่าก่อน ผมจึงดัดแปลงมาใช้ที่โรงแรมโดยทำให้เข้าใจง่ายและง่านต่อการปฏิบัติ โดยกำหนดให้รายได้รวมของปี2548ดีกว่า2547 ...% หรือปี2549ดีกว่าปี2548 ...% และให้รายจ่ายน้อยกว่าปีก่อนๆ ...% ปีก่อนเขาทำได้เลยพาไปเที่ยวสิงคโปร์ โดยที่ปีที่ผ่านมาพวกเขาเองก็พากันหัวเราะว่าจะได้หรือ? แต่เขาลืมคิดเรื่องพืชสวนโลกที่ทำให้KPIเขาทะลุเป้า นอกเหนือจากการที่เรามีโบนัสพิเศษให้พนักงานทุกคนโดยคิดเป็นวันใครมาทำงานให้กับเรากี่วันก็เอาวันคูณ เล่นเอาพนักงานหายเหนื่อยไปตามๆกัน ผมไม่ทราบนะครับที่อื่นมีใครเขาทำกันบ้างหรือไม่ แต่เราทำ นี่คือที่มาว่าผมบ้าที่จะพาพวกเขาไปเที่ยวได้อย่างไร? โดยที่ปีนี้เราบอกว่าถ้าทำถึงจะพาไปปีนกำแพงเมืองจีนกัน ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนก็ยังหัวเราะอยู่ดีว่าจะทำถึงหรือ? ต้องคอยตามดูกัน ประสาแฟนบอลเขาพูดกันว่าหากกรรมการตัดสินยังไม่เป่านกหวีดหมดเวลาก็ถือเสมือนว่าเกมยังไม่เลิก ผมดีใจที่เห็นใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของพวกเขาทุกครั้งที่พาไปเที่ยว เพราะทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากไม่มาทำงานที่วิสต้าไม่รู้ว่าชาตินี้เขาจะได้ไปเที่ยวแบบนี้หรือเปล่า? เอาเป็นว่าหากเขามีใจให้เราหากเราไม่มีให้เขาคงจะใจดำไปหน่อย...สวัสดีครับ...
5/11/07
Vista Variety 10 May 07
^^ราชาชูรส * วิสต้า เชียงใหม่ INCENTIVE TRIP 2007 HONG KONG 4-7 MAY^^
"ฮ่องกง" ไข่มุกแห่งเอเชีย คนไทยแทบจะทุกคนใผ่ฝันว่าสักวันหนึ่งต้องไปเที่ยวเมืองนอกกัน ปีที่แล้วพาไปสิงคโปร์ครับ เลยผนวกทีมขายราชาชูรสไปด้วย รวม18ชีวิต ออกเดินทางกันแต่เช้ากับการบินไทยที่เอาเครื่องแอร์บัส340-500มาบิน ที่มีข่าวว่ากำลังจะขายเพราะทนกับการซดน้ำมันของมันไม่ไหว ก็มันมีตั้ง 4 เครื่องยนต์ อีกทั้งบินไกลแบบไม่หยุดพัก สู่นิวยอร์ค/แอลเอเสียด้วย ใช้เวลาบินจากกทม.ถึงฮ่องกง 2ชั่วโมง เศษ หลายคนยังสลบไสลโโยเฉพาะพนังานวิสต้าที่นั่งรถทัวร์มาตลอดคืน หลังจากที่เดินทางมาถึงทานข้าวเที่ยงแล้วไปนมัสการหลวงพ่อหวังต้าเซียนเพื่อเป็นศิริมงคล ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาไม่แพ้กทม. ทำเอาการเที่ยวค่อนข้างจืดๆ อาหารค่ำแล้วต่างคนต่างพากันนอนหลับสบาย ตื่นขึ้นมาพาไปทานติ่มซ้ำรสอร่อยแล้วไปนมัสการหลวงพ่อโตที่ต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้าที่ใหญ่โตพอที่จะรับคนได้ถึง18คน กับวิวสายฝนที่มองไม่เห็นอะไรเลย 25นาทีผ่านไปเราก็ถึงทางขึ้นเขาไปนมัสการ กับบันไดกว่า280ขั้น เรียกเหงื่อได้พอสมควรถึงฝนจะตกหนักก็เถอะ หลังอาหารเที่ยงท่ามกลางแดดร้อนๆ เราได้ไปเที่ยว ฮ่องกงดิสนีแลนด์ ที่เรียกได้ว่าหลานๆของโตเกียว ชมพลุหลากสีก่อนจะกลับสู่โรงแรมนอนเอาแรงเพื่อเที่ยวในวันรุ่งขึ้น ฝนที่เคยตกก็หายไปพร้อมกับคำบนบานของทีมงานวิสต้า ชมเกาะฮ่องกงแล้วอิสระช๊อปปิ้ง แต่เห็นไม่กี่คนที่หิ้วถุง นอกนั้นคอตกเพราะของแพงจนจับไม่ไหว เช้าวันที่4ของการเดินทาง เที่ยวบินแรก8โมงเช้าก็นำเรากลับสู่กทม.โดยสวัสดิภาพ...สัญญาว่าปีหน้าจะพาไปเที่ยว
"ปักกิ่ง" กันครับ ...สวัสดี...
"ฮ่องกง" ไข่มุกแห่งเอเชีย คนไทยแทบจะทุกคนใผ่ฝันว่าสักวันหนึ่งต้องไปเที่ยวเมืองนอกกัน ปีที่แล้วพาไปสิงคโปร์ครับ เลยผนวกทีมขายราชาชูรสไปด้วย รวม18ชีวิต ออกเดินทางกันแต่เช้ากับการบินไทยที่เอาเครื่องแอร์บัส340-500มาบิน ที่มีข่าวว่ากำลังจะขายเพราะทนกับการซดน้ำมันของมันไม่ไหว ก็มันมีตั้ง 4 เครื่องยนต์ อีกทั้งบินไกลแบบไม่หยุดพัก สู่นิวยอร์ค/แอลเอเสียด้วย ใช้เวลาบินจากกทม.ถึงฮ่องกง 2ชั่วโมง เศษ หลายคนยังสลบไสลโโยเฉพาะพนังานวิสต้าที่นั่งรถทัวร์มาตลอดคืน หลังจากที่เดินทางมาถึงทานข้าวเที่ยงแล้วไปนมัสการหลวงพ่อหวังต้าเซียนเพื่อเป็นศิริมงคล ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาไม่แพ้กทม. ทำเอาการเที่ยวค่อนข้างจืดๆ อาหารค่ำแล้วต่างคนต่างพากันนอนหลับสบาย ตื่นขึ้นมาพาไปทานติ่มซ้ำรสอร่อยแล้วไปนมัสการหลวงพ่อโตที่ต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้าที่ใหญ่โตพอที่จะรับคนได้ถึง18คน กับวิวสายฝนที่มองไม่เห็นอะไรเลย 25นาทีผ่านไปเราก็ถึงทางขึ้นเขาไปนมัสการ กับบันไดกว่า280ขั้น เรียกเหงื่อได้พอสมควรถึงฝนจะตกหนักก็เถอะ หลังอาหารเที่ยงท่ามกลางแดดร้อนๆ เราได้ไปเที่ยว ฮ่องกงดิสนีแลนด์ ที่เรียกได้ว่าหลานๆของโตเกียว ชมพลุหลากสีก่อนจะกลับสู่โรงแรมนอนเอาแรงเพื่อเที่ยวในวันรุ่งขึ้น ฝนที่เคยตกก็หายไปพร้อมกับคำบนบานของทีมงานวิสต้า ชมเกาะฮ่องกงแล้วอิสระช๊อปปิ้ง แต่เห็นไม่กี่คนที่หิ้วถุง นอกนั้นคอตกเพราะของแพงจนจับไม่ไหว เช้าวันที่4ของการเดินทาง เที่ยวบินแรก8โมงเช้าก็นำเรากลับสู่กทม.โดยสวัสดิภาพ...สัญญาว่าปีหน้าจะพาไปเที่ยว
"ปักกิ่ง" กันครับ ...สวัสดี...
5/10/07
Vista Variety 3 May 07
เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมาใครๆคงจะไม่ปฏิเสธที่จะควักเงินจากกระเป๋าเพื่อชมภาค 3 ของ ไอ้แมงมุม หากเป็นคอหนังฝรั่ง เพราะจาก2ภาคที่ผ่านมาความสนุกก็ทวีมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเองก็ยังหาเวลาชมภาค3นี้ไม่ได้ แต่คนที่ดูออกมาแล้วชมกันว่าสนุกกว่าสองภาคก่อนเสียอีก คงต้องหาเวลาดูหากมีโอกาสเป็นแน่
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสดูหนังไทยที่สร้างความฮือฮาพอสมควรกับแฟนหนังขาประจำที่ชอบหนังออกแนวโรแมนติคซึ้งๆอย่าง The Letter ไม่ไหว Me...Myself ชื่ออย่างกับหนังฝรั่ง "ขอให้รักจงเจริญ" จากฝีมือกำกับของ ออฟ พงษ์พัฒน์ ที่แต่ก่อนเล่นหนังมาครั้งนี้ผันตัวเองเป็นผู้กำกับ ต้องขอชมว่าทำได้ดี คิดไม่ถึงว่าสไตล์ออฟ สามารถทำหนังซึ้งๆแบบนี้ได้ โดยได้มือเขียนบทจาก The Letter มา แบนเนอร์ที่แขวนกันทั่ว กทม. กับคำแรงๆอย่าง "อายเขาไหมที่เป็นเมียกระเทย..?" ซึ่งทำให้ผมเดาเรื่องได้บ้าง เนื้อเรื่องอาจจะไม่ซึ้งกินใจเท่าเรื่องก่อน แต่ก็พอเรียกน้ำตาจากสาวๆวัยโจ๋ได้พอสมควร แนวหนังค่อนข้างจะออกไปทางจีนๆสักหน่อยเกี่ยวกับพระเอกที่ถูกรถชนแล้วจำความไม่ได้ มีสาวสวยมาช่วยแถมยังเอาไปอยู่ด้วย แล้วความสัมพันธ์ของคนทั้ง2ผ่านทางหลานชายของนางเอกก็ได้ก่อเกิด ความจำพระเอกก็เริ่มคืนมา จนมาถึงตอนท้ายที่บ่งบอกว่าพระเอกของเราคือใครมาก่อน ทำให้คิดถึงพระเอกหนังจีนคนหนึ่ง เลสลี่ จาง ที่จากไปเมื่อหลายปีก่อน บทกระเทยๆแกชอบเล่นมาก ซึ่งในชีวิตจริงแกก็เป็นเช่นนั้น แต่แฟนๆก็หาได้เสื่อมศรัทธาในตัวเขาไม่ได้ นอกจากจะเล่นหนังเก่งแล้วเขายังร้องเพลงอัดอัลบั้มมากมาย น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่ค่อยจะชอบตามกระแสดูหนังที่คนดูทากๆ
เผลอแป๊ปเดียว สนามบินดอนเมือง เปิดมาได้เดือนกว่าแล้วดั่งที่ผมเคยเอ่ยไว้ว่า บรรยากาศค่อนข้างวังเวง เพราะมีเครื่องบินเข้าออกน้อยไม่เหมือนแต่ก่อนปัจจุบันดูจะยิ่งเงียบมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจบ้านเราตอนนี้ต้องยอมรับจริงๆว่าแย่มาก ดูอย่างร้านมือถือชั้น4ที่กาดสวนแก้ว แต่ก่อนเปิดกันยัน4ทุ่มเดี๋ยวนี้2ทุ่มก็พากันปิดร้านหมดแล้ว ผมทายว่าผลประกอบการ การบินไทยในปีนี้คงต้องขาดทุน เพราะต้องมีการจ้างพนักงานถึง 2ชุดทั้งที่ดอนเมืองกับสุวรรณภูมิ เลาจน์ชั้นธุรกิจก็ยังต้องมี ในขณะที่สายการบินอื่นเช่น นกแอร์ แอร์เอเซีย เขาเลือกที่ใดที่หนึ่ง โดยเฉพาะแอร์เอเซียที่ได้ชื่อว่าเป็นสายการบินนอมินี่ ที่เขาว่ากันว่ามีผู้ถือหุ้นเป็นคนต่างชาติเกินครึ่งเขารับเนื้อๆทั้งผู้โดยสารในประเทศ/ต่างประเทศที่ต่อเครื่อง ขณะที่ ไทย มีการแบ่งเที่ยวบินในประเทศไปดอนเมืองซึ่งผมดูแล้วมิใช่ว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มสักเท่าใด แต่ก่อนก็พากันป่าวประกาศว่าสุวรรณภูมิรันเวย์ทรุด จนป่านนี้ยังไม่เห็นมันทรุดเพิ่มขึ้นเลย รันเวย์ร้าว ก็เห็นขึ้นลงกันเป็นปกติ แต่ที่แน่ๆดอนเมืองก็มีผู้รับเหมาทั้งรถแท็กซี่ ยาม ร้านค้าหน้าแปลกๆ ใหม่ๆมาทำกันหมด เลยทำให้ไม่คิดได้ไหมว่าไม่มีนอกมีใน? ที่บ่นออกมาเพราะผมก็เป็นผู้ถือหุ้นการบินไทยถึงแม้จะมีไม่เท่าไหร่ก็เถอะครับ มีข่าวแว่วว่าอาจจะมีการย้ายสายต่างประเทศมาลงดอนเมืองเร็วๆนี้ด้วย ยิ่งน่าเป็นห่วงกับเงินกว่าแสนล้านของเราที่ลงทุนไปครับ...สวัสดีครับ
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสดูหนังไทยที่สร้างความฮือฮาพอสมควรกับแฟนหนังขาประจำที่ชอบหนังออกแนวโรแมนติคซึ้งๆอย่าง The Letter ไม่ไหว Me...Myself ชื่ออย่างกับหนังฝรั่ง "ขอให้รักจงเจริญ" จากฝีมือกำกับของ ออฟ พงษ์พัฒน์ ที่แต่ก่อนเล่นหนังมาครั้งนี้ผันตัวเองเป็นผู้กำกับ ต้องขอชมว่าทำได้ดี คิดไม่ถึงว่าสไตล์ออฟ สามารถทำหนังซึ้งๆแบบนี้ได้ โดยได้มือเขียนบทจาก The Letter มา แบนเนอร์ที่แขวนกันทั่ว กทม. กับคำแรงๆอย่าง "อายเขาไหมที่เป็นเมียกระเทย..?" ซึ่งทำให้ผมเดาเรื่องได้บ้าง เนื้อเรื่องอาจจะไม่ซึ้งกินใจเท่าเรื่องก่อน แต่ก็พอเรียกน้ำตาจากสาวๆวัยโจ๋ได้พอสมควร แนวหนังค่อนข้างจะออกไปทางจีนๆสักหน่อยเกี่ยวกับพระเอกที่ถูกรถชนแล้วจำความไม่ได้ มีสาวสวยมาช่วยแถมยังเอาไปอยู่ด้วย แล้วความสัมพันธ์ของคนทั้ง2ผ่านทางหลานชายของนางเอกก็ได้ก่อเกิด ความจำพระเอกก็เริ่มคืนมา จนมาถึงตอนท้ายที่บ่งบอกว่าพระเอกของเราคือใครมาก่อน ทำให้คิดถึงพระเอกหนังจีนคนหนึ่ง เลสลี่ จาง ที่จากไปเมื่อหลายปีก่อน บทกระเทยๆแกชอบเล่นมาก ซึ่งในชีวิตจริงแกก็เป็นเช่นนั้น แต่แฟนๆก็หาได้เสื่อมศรัทธาในตัวเขาไม่ได้ นอกจากจะเล่นหนังเก่งแล้วเขายังร้องเพลงอัดอัลบั้มมากมาย น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่ค่อยจะชอบตามกระแสดูหนังที่คนดูทากๆ
เผลอแป๊ปเดียว สนามบินดอนเมือง เปิดมาได้เดือนกว่าแล้วดั่งที่ผมเคยเอ่ยไว้ว่า บรรยากาศค่อนข้างวังเวง เพราะมีเครื่องบินเข้าออกน้อยไม่เหมือนแต่ก่อนปัจจุบันดูจะยิ่งเงียบมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจบ้านเราตอนนี้ต้องยอมรับจริงๆว่าแย่มาก ดูอย่างร้านมือถือชั้น4ที่กาดสวนแก้ว แต่ก่อนเปิดกันยัน4ทุ่มเดี๋ยวนี้2ทุ่มก็พากันปิดร้านหมดแล้ว ผมทายว่าผลประกอบการ การบินไทยในปีนี้คงต้องขาดทุน เพราะต้องมีการจ้างพนักงานถึง 2ชุดทั้งที่ดอนเมืองกับสุวรรณภูมิ เลาจน์ชั้นธุรกิจก็ยังต้องมี ในขณะที่สายการบินอื่นเช่น นกแอร์ แอร์เอเซีย เขาเลือกที่ใดที่หนึ่ง โดยเฉพาะแอร์เอเซียที่ได้ชื่อว่าเป็นสายการบินนอมินี่ ที่เขาว่ากันว่ามีผู้ถือหุ้นเป็นคนต่างชาติเกินครึ่งเขารับเนื้อๆทั้งผู้โดยสารในประเทศ/ต่างประเทศที่ต่อเครื่อง ขณะที่ ไทย มีการแบ่งเที่ยวบินในประเทศไปดอนเมืองซึ่งผมดูแล้วมิใช่ว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มสักเท่าใด แต่ก่อนก็พากันป่าวประกาศว่าสุวรรณภูมิรันเวย์ทรุด จนป่านนี้ยังไม่เห็นมันทรุดเพิ่มขึ้นเลย รันเวย์ร้าว ก็เห็นขึ้นลงกันเป็นปกติ แต่ที่แน่ๆดอนเมืองก็มีผู้รับเหมาทั้งรถแท็กซี่ ยาม ร้านค้าหน้าแปลกๆ ใหม่ๆมาทำกันหมด เลยทำให้ไม่คิดได้ไหมว่าไม่มีนอกมีใน? ที่บ่นออกมาเพราะผมก็เป็นผู้ถือหุ้นการบินไทยถึงแม้จะมีไม่เท่าไหร่ก็เถอะครับ มีข่าวแว่วว่าอาจจะมีการย้ายสายต่างประเทศมาลงดอนเมืองเร็วๆนี้ด้วย ยิ่งน่าเป็นห่วงกับเงินกว่าแสนล้านของเราที่ลงทุนไปครับ...สวัสดีครับ
Vista Variety 26 Apr 07
และแล้วการรอคอยก็ได้สิ้นสุดลง SPIDER-MAN 3 จะลงโรงฉายในวันที่ 1 พ.ค.นี้ เพื่อต้อนรับวันแรงงาน เท่าที่ดูตัวอย่างแล้วต้องชมว่าทำให้อยากดูขึ้นมาทันที อาจเพราะผมเป็นแฟนเจ้าแมงมุมตัวนี้มาตั้งแต่ภาคแรก แน่นอนว่าโรงภาพยนตร์ทั้งโลกนี้คงเตรียมเปิดโรงต้อนรับแบบอาจจะแทบทุกโรงในเครือ ทำเอาคนที่ไม่ชอบไม่มีทางเลือก
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมมีเวลาจึงได้ชมภาพยนตร์มาหลายเรื่อง ก็เลยจะขอถือโอกาสนี้วิจารณ์ในความรู้สึกของผมให้แฟนวิสต้าได้อ่าน เรื่องแรกที่คั่งค้างคงหนีไม่พ้นหนังไทย "เมล์นรก หมวยยกล้อ" พอเห็นชื่อหากไม่ได้ดูตัวอย่าง ต้องคิดเลยเถิดไปถึงหนังฝรั่งชื่อ SPEED ที่ทำให้พระเอกอย่าง คีนู ริฟ ทำเอาสาวๆน้ำลายหกไปตามๆกัน หรือสาวอกสามศอกอย่างแซนดร้า บลูล๊อค แต่..ทันเข้าไปดูแล้วต้องยอมรับว่า ผู้กำกับฯอย่าง เรียว สามารถทำหนังที่ลงทุนก็น้อยแต่ลึกซึ้งในด้านจิตใจ อาจจะเพราะตัวละครในหนังแต่ละคนมีตัวตนอยู่จริงในสังคมไทยปัจจุบัน หากหนังเปลี่ยนชื่อใหม่อาจจะมีคนเข้าไปดูมากขึ้นก็เป็นได้ ต้องยอมรับว่าหนังเรื่องนี้เตะตาผมจริงๆครับ ไม่ใช่หนังผีหรือหนังตลกไร้สาระที่เห็นกันดาดดื่นในปัจจุบัน เรื่องที่สองย่อมต้องเป็นหนังไทยอีกเช่นกัน "เปิงมาง กลองผีหนังมนุษย์" หลังจากที่ได้ดูหนังตัวอย่างแล้วมีความน่าสะพรึงกลัวแฝงอยู่ แต่เอาเข้าจริงๆแล้วผิดหวังครับ อาจจะเพราะดารานำทั้งชายหญิงค่อนข้างอ่อนประสบการณ์ อาศัยที่หน้าหล่อหน้าสวย เลยทำให้คนดูไม่ค่อนจะอินไปกับหนังเท่าใดนัก ตอนหนังจบเดินออกจากโรงได้ยินเสียงคนดูวัยรุ่นเปรยว่าเสียดายเงิน ทำไงได้เดี๋ยวนี้สิ่งที่ทำให้คนอยากดูตรงหนังตัวอย่างนี่แหละครับ เรื่องไปเป็นหนังฝรั่งที่มี มาร์ค วอลเบอรก์ พระเอกหล่อที่ไม่ค่อยจะมีเสน่ห์นัก เลยถูกเขาจับดองเป็นพระรองก็หลายเรื่อง SHOOTER ได้โอกาสเป็นพระเอกกับเขาเสียที ทั้งหุ่นและฝีมือไม่เป็นรองใคร ขอยืนยันสมแล้วที่แกได้ถูกเสนอชื่อเขข้าชิงออสการ์ดาราสมทบปีนี้จาก THE DEPARTED หากใครเป็นคอหนังฝรั่งที่เวลาดูต้องใช้สมองคิดตามไป คงจะชอบครับ หนังมีการหักเหลี่ยมกันไปมาสมกับเป็นหนังใหญ่อีกเรื่องของปีนี้ สำหรับอีกเรื่องเป็นหนังฝรั่งเช่นกัน แต่อาจจะเพราะศักดิ์ศรีเลยทำให้ยังไม่ได้เข้าฉายที่เชียงใหม่ทั้งๆที่เราเอง (หากเจ้าของหนัง สหมงคล เขาเปิดโอกาส) เรายินดีที่จะเปิดโรงให้แน่นอนเพราะกับตำนานของ ฮันนิบาล เล็คเตอร์ ฆาตกรเลือดย็นที่ไม่รู้จักตายไปเสียที รู้สึกหนังที่ผมกำลังเอ่ยถึงเป็นภาค4-5เข้าไปแล้วครับ เท่านี้คงทราบว่ากำลังจะพูดถึง HANNIBAL RISING ที่ว่าด้วยการกำเนิดของ ฮันนิบาล ว่าทำไมจิตใจเขาถึงได้เหี้ยมโหดปานนั้น ด้วยพลังของ กงลี่ เลยยิ่งทำให้หนังเข้าตาผู้ชมที่เป็นสุภาพสตรีมากขึ้น หนังสนุกดีครับ...สวัสดี...
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมมีเวลาจึงได้ชมภาพยนตร์มาหลายเรื่อง ก็เลยจะขอถือโอกาสนี้วิจารณ์ในความรู้สึกของผมให้แฟนวิสต้าได้อ่าน เรื่องแรกที่คั่งค้างคงหนีไม่พ้นหนังไทย "เมล์นรก หมวยยกล้อ" พอเห็นชื่อหากไม่ได้ดูตัวอย่าง ต้องคิดเลยเถิดไปถึงหนังฝรั่งชื่อ SPEED ที่ทำให้พระเอกอย่าง คีนู ริฟ ทำเอาสาวๆน้ำลายหกไปตามๆกัน หรือสาวอกสามศอกอย่างแซนดร้า บลูล๊อค แต่..ทันเข้าไปดูแล้วต้องยอมรับว่า ผู้กำกับฯอย่าง เรียว สามารถทำหนังที่ลงทุนก็น้อยแต่ลึกซึ้งในด้านจิตใจ อาจจะเพราะตัวละครในหนังแต่ละคนมีตัวตนอยู่จริงในสังคมไทยปัจจุบัน หากหนังเปลี่ยนชื่อใหม่อาจจะมีคนเข้าไปดูมากขึ้นก็เป็นได้ ต้องยอมรับว่าหนังเรื่องนี้เตะตาผมจริงๆครับ ไม่ใช่หนังผีหรือหนังตลกไร้สาระที่เห็นกันดาดดื่นในปัจจุบัน เรื่องที่สองย่อมต้องเป็นหนังไทยอีกเช่นกัน "เปิงมาง กลองผีหนังมนุษย์" หลังจากที่ได้ดูหนังตัวอย่างแล้วมีความน่าสะพรึงกลัวแฝงอยู่ แต่เอาเข้าจริงๆแล้วผิดหวังครับ อาจจะเพราะดารานำทั้งชายหญิงค่อนข้างอ่อนประสบการณ์ อาศัยที่หน้าหล่อหน้าสวย เลยทำให้คนดูไม่ค่อนจะอินไปกับหนังเท่าใดนัก ตอนหนังจบเดินออกจากโรงได้ยินเสียงคนดูวัยรุ่นเปรยว่าเสียดายเงิน ทำไงได้เดี๋ยวนี้สิ่งที่ทำให้คนอยากดูตรงหนังตัวอย่างนี่แหละครับ เรื่องไปเป็นหนังฝรั่งที่มี มาร์ค วอลเบอรก์ พระเอกหล่อที่ไม่ค่อยจะมีเสน่ห์นัก เลยถูกเขาจับดองเป็นพระรองก็หลายเรื่อง SHOOTER ได้โอกาสเป็นพระเอกกับเขาเสียที ทั้งหุ่นและฝีมือไม่เป็นรองใคร ขอยืนยันสมแล้วที่แกได้ถูกเสนอชื่อเขข้าชิงออสการ์ดาราสมทบปีนี้จาก THE DEPARTED หากใครเป็นคอหนังฝรั่งที่เวลาดูต้องใช้สมองคิดตามไป คงจะชอบครับ หนังมีการหักเหลี่ยมกันไปมาสมกับเป็นหนังใหญ่อีกเรื่องของปีนี้ สำหรับอีกเรื่องเป็นหนังฝรั่งเช่นกัน แต่อาจจะเพราะศักดิ์ศรีเลยทำให้ยังไม่ได้เข้าฉายที่เชียงใหม่ทั้งๆที่เราเอง (หากเจ้าของหนัง สหมงคล เขาเปิดโอกาส) เรายินดีที่จะเปิดโรงให้แน่นอนเพราะกับตำนานของ ฮันนิบาล เล็คเตอร์ ฆาตกรเลือดย็นที่ไม่รู้จักตายไปเสียที รู้สึกหนังที่ผมกำลังเอ่ยถึงเป็นภาค4-5เข้าไปแล้วครับ เท่านี้คงทราบว่ากำลังจะพูดถึง HANNIBAL RISING ที่ว่าด้วยการกำเนิดของ ฮันนิบาล ว่าทำไมจิตใจเขาถึงได้เหี้ยมโหดปานนั้น ด้วยพลังของ กงลี่ เลยยิ่งทำให้หนังเข้าตาผู้ชมที่เป็นสุภาพสตรีมากขึ้น หนังสนุกดีครับ...สวัสดี...
Subscribe to:
Posts (Atom)